'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'

'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'

"ออย จิตนิภา ภักดี" เจ้าของเพจ ออย Cancer Diary คือเสียงเล็กๆ ที่สะท้อนความจริงที่ไม่มีใครอยากเผชิญ มะเร็งปอด ระยะที่ 4 โดยที่เธอไม่มีปัจจัยเสี่ยงใดๆ ไม่สูบบุหรี่ และครอบครัวก็ไม่เคยมีประวัติโรคมะเร็ง

ย้อนกลับไป 5 ปีก่อน หญิงสาววัย 29 ปี จากจังหวัดทางภาคเหนือ เริ่มรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ ไอเรื้อรัง น้ำหนักลดลงอย่างน่าตกใจ และเมื่อตรวจพบ "จุดเล็กๆ เต็มปอดทั้งสองข้าง" พร้อมคำวินิจฉัยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล

"วันที่รู้ว่าป่วย เหมือนไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีเหตุผลชัดเจน แต่เลือกที่จะมีความหวัง" ออยเล่าด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แม้โอกาสรอดมีแค่ 1% เธอกลับมองทุกเช้าที่หายใจว่าเป็น "โอกาส" เพราะเชื่อว่าแม้ต้องเจ็บป่วย การได้พบผู้คนมีเมตตาคือพลังสำคัญที่ช่วยเธอฝ่าฟัน

ออยขอพรจากหมอเพียงข้อเดียว คือแสงสว่างที่ทำให้เธอยืนหยัดสู้เพื่อชีวิต

ยามุ่งเป้า จุดไฟชีวิตผู้ป่วยมะเร็งปอด เพื่อวันพรุ่งนี้ที่มีหวัง

ออยเริ่มรักษาโรคด้วย ยามุ่งเป้า เจาะจงกับมะเร็งปอดที่มียีน EGFR ช่วงแรกน้ำหนักเหลือ 39 กิโลกรัม ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่ยามุ่งเป้าทำให้อาการดีขึ้น น้ำหนักเพิ่มเป็น 44 กิโลกรัม และใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ แม้ต้องตรวจ

เธอใช้ยามุ่งเป้าชนิดรับประทานวันละ 1 ครั้ง ตัวแรกได้นาน 17 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ยาตัวที่สองได้นาน 17 เดือน จากนั้นต้องรับยาเคมีบำบัดทางเส้นเลือดแม้จะมียามุ่งเป้าสำหรับรักษามะเร็งมากกว่า 30 ชนิดในโลก แต่ในปัจจุบันสำหรับยีนกลายพันธุ์ EGFR ในประเทศไทย คนไทยทุกสิทธิการรักษาสามารถเข้าถึงยาได้เพียง 1 ชนิดเท่านั้น และอีก 1 ชนิดสำหรับสิทธิข้าราชการที่เข้าถึงได้แบบมีเงื่อนไขต้องมียีนกลายพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง 

'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'

การรักษาโรค คู่กับกับการรักษาใจ ออยเล่าว่า ในใจลึกๆ รู้สึกเหนื่อยและท้อ แต่การพบจิตแพทย์ช่วยให้เข้าใจว่าการอ่อนแอไม่ใช่ความพ่ายแพ้ ทุกคนต้องการกำลังใจและการพักผ่อน

เธอไม่กลัว มะเร็ง จะกลับมา แต่กลัวใช้ชีวิตไม่เต็มที่ จึงพักการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในปีที่ 5 แม้หมอจะมีความกังวลว่าโรคอาจลุกลาม แต่เธอเลือกใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีความสุขเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยอดทนกับการรักษาเพื่อใช้เวลาร่วมกับแม่ คนรอบข้าง และเตรียมพลังไว้เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ยังรออยู่

ซื่อสัตย์กับใจ ชีวิตกลับมาอีกครั้งด้วยยานวัตกรรม

หลังพัก คีโม 12 เดือน ออยกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ในปี 2568 โรคกลับมาอีกครั้ง ทำให้เธอต้องรับคีโมต่อ ช่วงโควิด-19 ที่ต้องอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาท้าทายที่สุด

สิ่งที่ช่วยให้เธอสู้ได้คือ "ความรักและความเข้าใจจากแม่" ที่ทั้งสองเรียนรู้จะเผชิญความจริงด้วยกัน แม้จะไม่ได้พูดถึงเรื่องมะเร็งบ่อย แต่เน้นการดูแลกันและส่งกำลังใจให้กันอย่างแท้จริง

ออยเน้นว่า ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองสำคัญมาก เมื่อรู้สึกท้อหรือเหนื่อย ต้องยอมรับและหาทางเยียวยาจิตใจ ไม่ว่าจะจิตแพทย์ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ป่วยอื่น

'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'

"ออย" เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ เพจแบ่งปันเรื่องราวและรับกำลังใจ ทำให้ค้นพบความหมายและคุณค่าของชีวิตแท้จริง คือการได้อยู่กับแม่ เพื่อน และคนรอบข้าง เพื่อส่งพลังใจและก้าวผ่านความท้อแท้ไปด้วยกัน

ประสบการณ์ของผู้ป่วยอย่าง "ศุภรา" ก็สะท้อนความจริงใจและความหวังที่ใกล้เคียงกัน

เมื่อปลายปี 2556 ศุภราเริ่มมีอาการไออย่างรุนแรง จนพบว่า ตัวเองเป็นมะเร็งปอดที่มียีน ALK positive ระยะลุกลาม การรักษาด้วยเคมีบำบัดและยามุ่งเป้ารุ่นแรกทำให้เธอทนผลข้างเคียงไม่ไหว อาเจียนมาก น้ำหนักลดลงเหลือเพียง 32 กิโลกรัม และเกือบหมดหวัง

แต่ชีวิตกลับมีแสงสว่าง เมื่อได้ลองใช้ยามุ่งเป้า ALK รุ่นที่ 2 ที่พัฒนามากขึ้น สามารถกินพร้อมอาหารได้โดยไม่อาเจียน น้ำหนักและสุขภาพค่อยๆ ดีขึ้น จนเธอเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ฝึกเดิน ฝึกอ่านและเขียน ฟื้นฟูความทรงจำ และเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่นๆ

ศุภรา กล่าวว่า อยากให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดทุกคนได้เข้าถึงยานวัตกรรม เพราะมันไม่เพียงแค่ช่วยยืดอายุ แต่ยังช่วยให้เรากลับไปใช้ชีวิตที่มีความหมายอีกครั้ง

'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'

ดูแลผู้ป่วยมะเร็งไม่มีเวลาหยุดเสียใจ - หมอบัวเผยเรื่องราวต่อสู้กับโรคร้ายด้วยยานวัตกรรม

ในฐานะผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่าง "หมอบัว ดร.พญ.ประกายทิพ สุศิลปรัตน์" เจ้าของเพจ "สู้สิแม่ ก็แค่มะเร็ง" ที่ดูแลแม่ป่วย มะเร็งปอด ระยะที่ 4 ที่มียีนกลายพันธุ์ EGFR มานานกว่า 11 ปี 9 เดือน เธอรู้ดีว่าการรับมือกับโรคร้ายไม่ใช่เรื่องง่าย

เส้นทางสู้มะเร็งปอดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนมีแนวโน้มจะอยู่บนเส้นทางที่ยาวนาน - แม่ต้องเผชิญทั้งยาเคมีบำบัด ยาพมุ่งเป้า และฉายรังสีสมองเพราะโรคร้ายแพร่กระจาย

หมอบัว เล่าว่า เมื่อรู้ข่าวว่าแม่ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ถึงแม้เธอจะเป็นหมอแต่ก็ไม่ใช่หมอมะเร็ง ความตกใจและความเจ็บปวดนั้นแทบหยุดใจไม่ได้ เพราะแม่ที่เคยแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และตรววจสุขภาพประจำปีทุกปี โดยไม่มีสัญญาณผิดปกติที่ชัดเจน กลับต้องเผชิญกับความจริงที่หนักหน่วง แต่ในช่วงเวลานั้น ไม่มีเวลาให้เสียใจ

สิ่งที่ต้องทำคือ เร่งเข้าถึงการรักษาที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด และโชคดีที่เธอมีความรู้เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัวที่ทำให้สามารถดูแลแม่ได้อย่างเต็มที่

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 12 ปีที่แล้ว สิทธิ์ในการเข้าถึงยา ยามุ่งเป้า ยังไม่ง่ายเหมือนในวันนี้ ตอนนั้นแม่ที่อายุ 70 ปี ต้องเริ่มต้นด้วยการรักษาด้วย ยาเคมีบำบัด เป็นลำดับแรก และรอคอยผลตรวจว่ายาตอบสนองดีหรือไม่ เมื่อได้ ยามุ่งเป้า ตัวแรกก็ทานได้ 13 เดือน ก่อนจะพบว่าโรคเริ่มไม่ตอบสนอง จึงต้องเปลี่ยนไปใช้ยาพุ่งเป้าตัวที่สอง 22 เดือน ซึ่งถึงแม้จะได้ผลดี แต่ผลข้างเคียงก็รุนแรงและท้าทายมาก

แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายครั้ง แต่ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า แม่ยังได้ใช้ชีวิตต่อไปด้วยความหวัง และในปี 2559 แม่ก็ได้เริ่มใช้ยาพมุ่งเป้าตัวที่สาม ซึ่งยังช่วยยืดเวลาและคุณภาพชีวิตจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวของหมอบัวและแม่ คือบทพิสูจน์ว่า การดูแลผู้ป่วยมะเร็งไม่มีเวลาให้เสียใจ แต่ผู้ป่วยและผู้ดูแลต้องมีความรู้ความเข้าใจ มีกำลังใจ และเดินหน้าสู้เพื่อชีวิตที่มีความหวังอยู่เสมอ พร้อมกับย้ำถึงความสำคัญของการเข้าถึงยานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยรักษาชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิตชีวิต เพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้ต่อสู้กับโรคร้ายด้วยความหวังและกำลังใจ

ส่งเสียงผู้ป่วยมะเร็งปอดถึงภาครัฐ เรียกร้องสิทธิ์เข้าถึงยานวัตกรรมที่ช่วยชีวิตเร่งการรักษาอย่างเท่าเทียม

"พลังของ ผู้ป่วยมะเร็งปอด คือเสียงที่ต้องดังขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาพ" - หมอบัว ดร.พญ.ประกายทิพ ย้ำถึงความสำคัญของการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ป่วย เพื่อส่งเสียงไปยังภาครัฐและผู้กำหนดนโยบาย

เธอ เล่าอีกว่า การรวมกลุ่มผู้ป่วยไม่ใช่แค่การบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกเกี่ยวกับการรักษาโรคเท่านั้น แต่เป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบสาธารณสุขในหลายด้าน

สื่อสาร...เพื่อให้ผู้คนรับรู้และตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอด เช่น "บุหรี่ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นมะเร็งปอด" "ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นมะเร็งปอดได้" และ "ปัจจุบันพบผู้หญิงที่ไม่ได้สูบบุหรี่เป็นมะเร็งปอดจากยีนกลายพันธุ์มากขึ้น"

เรียกร้อง...ให้มีการตรวจคัดกรอง การวินิจฉัย และการรักษา มะเร็งปอด ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายสิทธิ์ในการเข้าถึงยานวัตกรรม ที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยภายใต้แนวคิดระบบหลักประกันสุขภาพ และสิทธิการรักษาอื่นๆ ทุกสิทธิ อย่างเท่าเทียม

ส่งเสียง...ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของอากาศที่ปราศจากมลพิษ PM2.5 และควันบุหรี่

นี่คือเรื่องราวของ "ออย จิตนิภา" ผู้ป่วยมะเร็งปอด ที่ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านเวที "ชีวิต คิดบวก" สู่เรื่องราว "เมื่อความหวังกลับมาพร้อมยาใหม่" - เสียงจริงจากผู้ป่วยมะเร็งปอด "ศุภรา" ที่อยากให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพ พร้อมด้วยหมอบัว ผู้ดูแลแม่ผู้ป่วยมะเร็งปอดกว่า 11 ปี ในกิจกรรมกลุ่ม "เสียงผู้ป่วยมะเร็งปอด" ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง และกลุ่มเพื่อนมะเร็งปอด

กิจกรรมนี้เปิดพื้นที่ความเข้าใจ และส่งต่อกำลังใจถึงผู้ป่วย ญาติ และผู้ดูแล ผ่านการแบ่งปันเรื่องราวจริงที่สะท้อนความหวังและความท้าทายของผู้เผชิญโรคร้าย

งานดังกล่าวจัดขึ้นในโอกาส "World No Tobacco Day : We Want No Lung Cancer" ที่ทางสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับสมาคมรังสีวิทยา สมาคมอุรเวชช์ สมาคมศัลยแพทย์ทรวงอก และมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ณ ลาน SCBX ชั้น 4 สยามพารากอน เพื่อกระตุ้นความตระหนักถึงอันตรายจากบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปอด

ด้วยเสียงของผู้ป่วยที่ดังขึ้นและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน "เรามีหวังที่จะเห็นระบบสุขภาพที่เข้าถึงการตรวจคัดกรอง การรักษาและยานวัตกรรมอย่างเท่าเทียม" หมอบัวฝากทิ้งท้าย เพราะทุกคนที่มีปอด มีโอกาสเป็น มะเร็งปอด ได้ ดังนั้นมะเร็งปอดคือเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมกันส่งเสียงเพื่อโอกาสในการป้องกัน การค้นหาโรคในระยะแรกที่มีโอกาสหาย และการเข้าถึงการรักษา

'เสียงของผู้ป่วยมะเร็งปอด - เสียงลมหายใจ เพื่อความหวังในการรักษา'