วิถีแบบ 'มิตร' กับการนำ 'กลุ่มมิตรผล' ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนของโลก

วิถีแบบ 'มิตร' กับการนำ 'กลุ่มมิตรผล' ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนของโลก

"กลุ่มมิตรผล" ก้าวสู่การเป็นองค์กรยั่งยืนของโลก จากผลการประเมิน โดย S&P Global พร้อมเดินหน้าองค์กรสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งให้กับทุกภาคส่วน

ในบริบทของโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน การดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในกรอบของคำว่า ESG จึงเปรียบเสมือนมาตรฐานการดำเนินงานที่ทุกองค์กรทั่วโลก "ต้องลงมือทำทันที" ไม่ใช่แค่สิ่งที่ "ควรทำ" หรือ "เตรียมที่จะทำในอนาคต" ด้วยความรุนแรงของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รอไม่ได้ อีกทั้งผู้บริโภคยุคใหม่ก็หันมาให้ความสำคัญกับจุดยืนของแบรนด์ที่ทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวถึงความตั้งใจในการพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผลเมื่อสมัยเกือบ 70 ปีก่อน ยังไม่มีคำว่า CSR, ESG หรือ Sustainability เหมือนเช่นทุกวันนี้ แต่ด้วยความเชื่อว่าเราไม่สามารถอยู่ได้ลำพัง โดยไม่มีคนรอบข้าง สังคม และสิ่งแวดล้อม การได้เห็นทุกคนเติบโต ร่วมอยู่ ร่วมเจริญไปด้วยกัน จึงเป็นเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจในแบบของ กลุ่มมิตรผล และเป็นความหมายของคำว่า ความยั่งยืน อีกทั้งเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอมา

วิถีแบบ \'มิตร\' กับการนำ \'กลุ่มมิตรผล\' ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนของโลก

ด้วยแนวคิดตั้งต้นนี้ จึงเป็นที่มาของการทำงานในแบบ "ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ" หรือ "Grow Together" เป็นวิถีการทำงานแบบมิตรซึ่งสอดคล้องกับชื่อองค์กรและชื่อผลิตภัณฑ์น้ำตาล มิตรผล ที่มีความหมายว่าผลผลิตของมิตรแท้ที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข อยู่คู่กับเกษตรกรและผู้บริโภคมากว่า 67 ปี แนวคิด "ร่วมอยู่ ร่วมเจริญ" สะท้อน DNA ของความเป็นมิตรผลได้เป็นอย่างดีกับเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับทุกภาคส่วน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Motto ขององค์กรตั้งแต่แรกเริ่ม และยังยึดถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ จนนำพาให้องค์กรสามารถยกระดับการพัฒนาอย่างเข้มข้น จนก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร จากผลการประเมินด้านความยั่งยืน โดย S&P Global Corporate Sustainability Assessment (CSA) Score 2023 ซึ่งมีบริษัทกว่า 9,400 แห่งทั่วโลกเข้ารับการประเมินใน 62 อุตสาหกรรม และเป็นเกณฑ์การประเมินแบบเดียวกับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการประเมินผล Dow Jones (DJSI)

วิถีแบบ \'มิตร\' กับการนำ \'กลุ่มมิตรผล\' ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนของโลก

"มองว่านอกจากการตั้งเป้าหมายและกำกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 3 มิติ คือเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เชื่อมโยงกันแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ต้องหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยนำองค์กร Benchmark วัดผลกับมาตรฐานสากล เช่น การประเมินของ S&P Global เพื่อให้เห็นว่าเรามีจุดไหนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว หรือยังมีจุดไหนที่ต้องปรับปรุง เพื่อนำมากำหนดเป็นนโยบายต่อไป กลุ่มมิตรผล เองแม้ว่าจะไม่ได้เป็นองค์กรที่จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่พร้อมที่จะยกระดับการพัฒนาด้านความยั่งยืน จึงเข้าร่วมการประเมินในด้านนี้เป็นครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนก้าวจากอันดับ 17 สู่อันดับ 3, 2 และก้าวสู่อันดับ 1 ในปี 2023" บรรเทิง กล่าว

บรรเทิง กล่าวเพิ่มว่า กลุ่มมิตรผล เติบโตมาจากภาคเกษตร ทำให้ตระหนักว่าภาคอุตสาหกรรมนี้มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก ตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงผู้บริโภค และสามารถสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับโลกได้ จากการเป็นแหล่งผลิตอาหาร เป็นแหล่งผลิตพลังงานทดแทนที่สำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานโลก และยังเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบหลักให้กับผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งจะมีส่วนช่วยลด Climate Change สร้างสมดุลที่ยั่งยืนได้ จึงมีเป้าหมายสำคัญที่จะพัฒนาธุรกิจควบคู่กับการยกระดับภาคเกษตรไทยให้สามารถส่งต่อความยั่งยืนเหล่านี้แก่คนรุ่นต่อไปได้

การประเมิน S&P Global ในปีนี้ กลุ่มมิตรผลได้คะแนนรวมสูงสุดเป็นอันดับ 1 (Top 1%) และยังทำคะแนนสูงเป็นอันดับ 1 ในมิติสิ่งแวดล้อมและสังคม โดย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กว่า 270,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่า จากการดำเนินงานของอุทยานมิตรผลด่านช้าง สุพรรณบุรี ซึ่งนับเป็นประเทศไทยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการรับรองโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนโรงงานในกลุ่มมิตรผลให้ก้าวสู่การเป็น Carbon Neutral Complex และขยายผลการดำเนินงานเพื่อสร้างระบบนิเวศที่ลดคาร์บอน ครอบคลุมตั้งแต่การดำเนินงานภายในโรงงาน กลุ่ม Supply Chain การชดเชยการปล่อยคาร์บอนฯ ไปจนถึงการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างพันธมิตรในการเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจ

สำหรับด้านสังคม กลุ่มมิตรผลมุ่งมั่นส่งเสริมเกษตรกรให้มีความรู้ มีทักษะ สามารถปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ด้านสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ผ่านการถ่ายทอดแนวทางการทำไร่สมัยใหม่ "มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม" ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมการบริหารจัดการ มาผสมผสานให้เป็นแนวทางทำเกษตรที่แม่นยำ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงรับซื้อใบอ้อยเพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวมวลและเป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรซึ่งเป็นทางหนึ่งในการสนับสนุนให้เกษตรกรตัดอ้อยสด ลดการเผา อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาชุมชนเพื่อสร้างแหล่งอาหารปลอดภัยและสร้างกลุ่มอาชีพให้ชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

รวมถึงด้านเศรษฐกิจ กลุ่มมิตรผลมุ่งพัฒนาการผลิตน้ำตาล สู่พลังงานสีเขียว (ไฟฟ้าชีวมวล และเอทานอล) ปุ๋ย อาหารสัตว์ และวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับอุตสาหกรรมไบโอเบส ด้วยแนวคิด From Waste to Value Creation เปลี่ยนของเหลือใช้ให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"กลุ่มมิตรผล ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 เพื่อสนับสนุนการแก้ไข ภาวะโลกร้อน ของประเทศไทยและนานาประเทศทั่วโลก" บรรเทิง กล่าว