AIS จัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่นยืน

AIS จัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่นยืน

AIS จัดเวทีแลกเปลี่ยนระดมความคิดด้านพัฒนาคน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในงาน "Singtel Group People and Sustainability Symposium 2023"

AIS เป็นเจ้าภาพจัดงาน "Singtel Group People and Sustainability Symposium 2023" การประชุมระดมสมองเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดและองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่จะช่วยต่อยอดการทำงานด้านการพัฒนาคน การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำในกลุ่ม Singtel จาก 6 ประเทศ ประกอบด้วย AIS ไทย, Singtel สิงคโปร์, Airtel อินเดีย, Globe ฟิลิปปินส์, Optus ออสเตรเลีย และ Telkomsel อินโดนีเซีย โดยชูแนวคิดการทำงานในโลกยุคใหม่ที่โอบกอดความแตกต่างอย่างหลากหลาย และสร้างความเท่าเทียมให้แก่ทุกคน (Re-Imagine Work with inclusive Sustainability) พร้อมยังเน้นย้ำการนำวิสัยทัศน์การทำงานที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาประยุกต์สู่แนวทางการทำงานอย่างยั่งยืนเป็นรูปธรรม (Eco Vision to Action) โดยการประชุมในครั้งนี้ AIS ได้สร้างต้นแบบการจัดงานผ่านแนวคิด ความยั่งยืน ในทุกมิติ ขยายผลนำองค์ความรู้และประสบการณ์ของผู้บริหารกลุ่ม Singtel ส่งต่อในรูปแบบของการเป็นเมนเทอร์ ให้เยาวชนกลุ่มสภาเมืองคนรุ่นใหม่ กทม. (BKK Ranger) ได้เพิ่มทักษะในการคิด วิเคราะห์ วางกลยุทธ์ เพื่อนำไอเดียมาต่อยอดในการพัฒนาและแก้ปัญหาเมืองในอนาคต

AIS จัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่นยืน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์เป็นสิ่งที่ AIS บริษัทในกลุ่ม Singtel ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพื่อให้สามารถยกระดับการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า รวมไปถึงการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยในปีนี้ได้ข้อสรุปและกรอบความร่วมมือจากการประชุม ดังนี้

กลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนแบบมีเป้าหมาย (Purpose-led sustainability strategy) 

  1. E-Environment and Climate การป้องกันและตอบสนองต่อ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีกระบวนการหรือกิจกรรมที่มุ่งเน้นในการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดการใช้วัสดุหรือการใช้ทรัพยากรโดยคงประสิทธิภาพและคุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Dematerialization) เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติมุ่งสู่ Net Zero
  2. S-Social Impact การหาแนวทางความเป็นไปได้ในการสร้างความปลอดภัยทางดิจิทัล สิทธิมนุษยชน ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
  3. G-Governance การจัดตั้งคณะกรรมการผู้บริหารด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน การปฏิบัติตามข้อกำหนด การให้ความรู้ และการฝึกอบรมต่างๆ
  4. V-Value Creation การสร้างคุณค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์และบริการที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างคุณค่าที่มุ่งเน้นไปยังความต้องการของลูกค้า เพื่อนำไปสู่การเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน

AIS จัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่นยืน

การแลกเปลี่ยนความร่วมมือเพื่อวิเคราะห์หาโอกาสการพัฒนาแผนกลยุทธ์โครงการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Opportunity Framework) ภายในกลุ่ม Singtel : ได้มีการอัปเดตแลกเปลี่ยนความรู้และความสนใจร่วมกันทั้งด้านงาน Sustainability ในฐานะโครงการและกิจกรรมที่สำคัญเกี่ยวกับ ESG ที่ตนเองทำ และมองหาความสนใจร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการร่วมมือกัน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของการบริหารและการรวม ESG เข้ากับธุรกิจและเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ

กรอบความร่วมมือระหว่าง People และ Sustainability ในการ Empower Every Generation : การสร้างบุคลากรที่มีสามารถขับเคลื่อนวัฒนธรรมขององค์กรผ่านแนวทางปฏิบัติด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นต่อองค์กร โดยกรอบความร่วมมือระหว่าง People และ Sustainability นั้นยังคำนึงถึงการปรับทิศทางของค่าตอบแทนหรือแรงจูงใจให้สอดคล้องกับแนวทางด้านความยั่งยืน 

นางสายชล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในฐานะเจ้าภาพ AIS ยังสร้างต้นแบบการจัดประชุมผ่านแนวคิด ความยั่งยืน ในทุกมิติตามแนวทางชดเชยคาร์บอนจากการจัดกิจกรรม (Carbon Neutral Event) ตั้งแต่การวางแผนเดินทางจากทั้งในและต่างประเทศ การเลือกโรงแรมที่พักซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, การใช้รถ EV Bus, รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi, การจัดเลี้ยงจากเมนูอาหารผ่านแนวคิด Food Waste ท่ามกลางวิถีการใช้ชีวิตของชุมชนบ้านครัว พร้อมขยายผลด้วยการนำความรู้และประสบการณ์จากผู้บริหารกลุ่ม Singtel ส่งต่อให้แก่เยาวชนในสภาเมืองคนรุ่นใหม่ กทม. (BKK Ranger) โดยใช้เวลารวมกว่า 230 ชั่วโมง ในการเป็นผู้ให้คำปรึกษา ฝึกฝนทักษะสำคัญ อาทิ ความสามารถในการระบุปัญหา การวางแผนงาน กลยุทธ์ งบประมาณ และการดำเนินงานผ่านมุมมองในเรื่องความยั่งยืน (Sustainability Lens) ให้สามารถนำไปต่อยอดโครงการเพื่อสังคม หรือนำแนวคิดไปประยุกต์ในเชิงธุรกิจอย่างสมเหตุสมผลได้ในอนาคต รวมไปถึงทักษะในการนำเสนอโครงการได้อย่างมั่นใจ (Pitching Skill) ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถนำไปต่อยอดการพัฒนาโครงการเพื่อแก้ปัญหาเมืองให้แก่ กทม. ได้อย่างดี

นางสาววรรธน์วรี ไชยมงคล นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนจาก BKK Ranger กลุ่ม Student Report Incident เผยความรู้สึกจากการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ว่า หลังจากทางทีมได้รับการแนะนำจากผู้บริหารเอไอเอส และกลุ่ม Singtel ทำให้ไอเดียของโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเด็กๆ เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าได้อย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

นางสาวผกามาศ เอกผล นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนกลุ่ม Redeem Bottles for Ticket Vouchers ที่นำเสนอโครงการเปลี่ยนขวดพลาสติกเป็นตั๋ว กล่าวว่า ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ในการได้รับการโค้ชเพราะทำให้เห็นขั้นตอนการทำโครงการเพื่อความยั่งยืน ช่วยให้ทีมพัฒนาโครงการได้อย่างมั่นใจ และมีหลักคิดที่ชัดเจนในการนำเสนอโครงการเพื่อต่อยอดกับหน่วยงานของ กทม. ได้เป็นอย่างดี

นางสายชล กล่าวทิ้งท้ายว่า ความยั่งยืน คือหัวใจสำคัญที่ต้องถูกสอดแทรกอยู่ในทุกกระบวนการทางธุรกิจและรูปแบบการใช้ชีวิต โดยเรายินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อแนวคิดนี้ไปสู่สังคมในวงกว้างเพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวก ที่จะย้อนกลับมาเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตของทุกคนต่อไป