รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับนวัตกรรมการแพทย์ดึงลูกค้าต่างชาติ

รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  ยกระดับนวัตกรรมการแพทย์ดึงลูกค้าต่างชาติ

รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยกระดับนวัตกรรมการแพทย์ดึงลูกค้าต่างชาติ

โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ตอบรับนโยบายภาครัฐที่มุ่งสู่การเป็นประเทศชั้นนำด้านท่องเที่ยว เชิงสุขภาพ ปรับโฉมรองรับลูกค้าต่างชาติ ยกระดับห้องพักสู่มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว ในราคาที่เข้าถึงได้ ชูจุดเด่นความเชี่ยวชาญ สู่ศูนย์กลางความเป็นเลิศทั้ง ดิจิทัลเด็นทัลเซ็นเตอร์ ศูนย์รักษาการมีบุตรยาก ศูนย์โรคเบาหวาน และศูนย์เลสิค พร้อมก้าวสู่การเป็น “สมาร์ท ฮอสปิตอล” ใช้เทคโนโลยีเทเลเฮลธ์ เปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงพยาบาล และขยายธุรกิจร้านขายยารูปแบบใหม่ สู้เชนร้านขายยายักษ์ใหญ่ข้ามชาติ  

ดร.ฐิติพงศ์ นันทาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เปิดเผยว่า “จากการที่รัฐบาลมียุทธศาสตร์การพัฒนาสู่การเป็นประเทศชั้นนำด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ดังนั้น โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จึงได้ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเน้นบริการลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าสัดส่วนการให้บริการชาวต่างชาติไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 โดยชูจุดเด่นมีเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยจากประเทศชั้นนำของโลก ภายใต้การรักษาพยาบาลจากแพทย์ที่มีความสามารถชั้นสูง แต่อัตราค่ารักษาพยาบาลในอัตราเท่ากันทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งยังสร้างสรรค์การให้บริการใหม่ๆ เพื่อให้โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าเดิม”

ปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติจากภูมิภาคตะวันออกกลางมาใช้บริการมากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา จีน และยุโรปตามลำดับ โดยการขยายตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบผ่านตัวแทน และเปิดสำนักงานตัวแทนของโรงพยาบาลในประเทศที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ เช่น ประเทศโอมาน จีน และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเปิดสำนักงานตัวแทน ในประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีแผนขยายไปในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ กาต้า เป็นต้น

“นอกจากนี้เราเก็บข้อมูลลักษณะลูกค้าต่างชาติในกลุ่มประเทศที่ใช้บริการกับเรามากที่สุด 3 อันดับแรกอย่างละเอียด เพื่อนำมาศึกษาหารูปแบบกลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสม สามารถให้บริการเฉพาะกลุ่มที่ตรงตามความต้องการให้มากที่สุด พร้อมเตรียมขยายบริการแนวทางใหม่ที่โรงพยาบาลอื่นยังเคยทำ” ดร.ฐิติพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของไทยที่มีศูนย์ทันตกรรม แบบดิจิทัลเด็นทัลเซ็นเตอร์ ที่มีอุปกรณ์ทันสมัยมากที่สุด เช่น เครื่องสแกนรากฟัน 3 มิติ สามารถทำรากฟันและฟันเทียมที่เข้ากับรูปหน้าของคนไข้แต่ละบุคคล รวมทั้งสามารถเลือกรูปแบบ เฉดสี มีวัสดุคุณภาพชั้นนำจากหลายประเทศ เช่น เยอรมัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความพร้อมในการรักษาอย่างครบวงจร สามารถช่วยลดเวลาจัดทำจากปกติที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หากมาที่โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมืองจะแล้วเสร็จภายใน 4 ชั่วโมง จึงสามารถรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ต้องการทำรากฟันเทียมและท่องเที่ยวต่อได้เลย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 3 หมื่นกว่าบาท ขึ้นอยู่กับรูปแบบและวัสดุที่เลือกใช้ แต่ทุกรูปแบบมีความแข็งแรงกว่าฟันเดิมอย่างแน่นอน 

อีกหนึ่ง ความเชี่ยวชาญของโรงพยาบาล มีศูนย์รักษาแผลเบาหวานที่ทันสมัย มีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศในตะวันออกกลางที่มีปัญหาในเรื่องแผลเบาหวาน บางรายถึงขั้นต้องตัดอวัยวะ เช่น นิ้ว ขา ซึ่งกลุ่มนี้มีถือเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูง จึงต้องการการบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ รวมทั้งสามารถรองรับเครือญาติที่ติดตามมาดูแลได้ด้วย

นอกจากนี้ เรายังมีศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรที่มีประสบการณ์รักษามายาวนาน คนไข้ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ต้องการมีลูกเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลจีนที่ส่งเสริมให้ประชากรมีบุตรมากกว่า 1 คน โดยอัตราความสำเร็จพบว่า มีความสำเร็จสูงในคนไข้ที่มีอายุไม่เกิน 35 ปี จะมีความสำเร็จ ร้อยละ 85 หากมีอายุ 35 ปีขึ้นไป รวมทั้งทางศูนย์ฯ ยังมีห้องปฏิบัติการ (Lab) รับฝากไข่ที่มีขนาดใหญ่ ทันสมัย และครบวงจรอีกด้วย 

ดร.ฐิติพงศ์ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “จากความพร้อมของอุปกรณ์ที่ทันสมัย ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ของเรา ทำให้เรามั่นใจ และมุ่งมั่นยกระดับไปสู่การเป็น “สมาร์ท ฮอสปิตอล” ภายใต้แนวคิดไม่ได้หวังผลกำไรเป็นอันดับ 1 แต่มีผลกำไรที่สามารถอยู่ได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ ในราคาที่เข้าถึงได้ ไม่สร้างภาระให้กับคนไข้มากเกินไป แต่ยังคงได้รับบริการที่สะดวกสบาย ตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล  เช่น ไม่ต้องรอคิวนาน ด้วยระบบติดตามไม่ให้มีการรอคิวเกินกว่าเวลาที่กำหนด การปรับปรุงห้องพักของโรงพยาบาลทั้งการตกแต่ง เครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในห้องพัก เน้นให้การบริการที่เสมือนพักที่โรงแรม”

ส่วนเป้าหมายในอนาคต โรงพยาบาลธนบุรีมุ่งขยายการดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจต่อเนื่อง เช่น การเปิดบริษัทลูกเทเลเฮลธ์ ด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยขยายการให้บริการที่เป็นมากกว่า เทเลเมดิซีน แบบมุ่งการรักษาผู้ป่วย เป็นการให้บริการด้านสุขภาพโดยที่ยังไม่ต้องป่วย เช่น การให้คำปรึกษาด้านเวลเนส โภชนาการเพื่อลดความอ้วนผ่านแอพพลิเคชั่น การให้วิตามินนอกสถานที่ หรือการให้บริการทางการแพทย์ถึงบ้าน ซึ่งรูปแบบเทเลเฮลธ์เป็นแนวทางที่ทั่วโลกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน รวมถึงการพัฒนาสู่ เวอร์ชัวล์ ฮอสพิทอล ที่จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของปัจจุบัน ที่เมื่อเจ็บป่วยด้วยอาการที่ไม่ร้ายแรง ผู้ป่วยก็สามารถที่จะเปลี่ยนบ้านให้เป็นห้องพักรักษาที่มีแพทย์จะติดตามอาการและค่าตรวจวัดต่าง ๆ ของร่างกายทุกวันผ่านระบบออนไลน์บนหน้าจอขนาดใหญ่จากโรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งสามารถส่งพยาบาลไปดูแลถึงที่บ้าน ซึ่งนอกจากจะสร้างความสบายใจให้กับผู้ป่วยมากกว่าการมานอนพักรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและความหนาแน่นของผู้ป่วยที่โรงพยาบาลด้วย

“นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลมีแผนต่อยอดสู่ธุรกิจร้านขายยาภายใต้แบรนด์ TH Health Pharma  ที่เป็นมากกว่าร้านขายยาทั่วไป เช่น มีบริการพบแพทย์ที่ร้านขายยาผ่านระบบเทเลเมดิซีน สามารถออกใบรับรองแพทย์เพื่อลดการเสียเวลาในการเดินทางไปโรงพยาบาล ปัจจุบัน TH Health Pharma ได้เปิดให้บริการสาขาแรกแล้วที่โรงพยาบาลสิริเวช จันทบุรี และกำลังจะเปิดสาขาที่ 2 ณ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และจะเปิดเพิ่มเติมให้ได้อีก 1-2 สาขา ในห้างสรรพสินค้าและสถานที่อื่น ๆ ภายในปี 2567 ส่วนในอนาคต เราจะเข้าไปร่วมมือกับโรงแรมในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้เอกสิทธิพิเศษกับแขกที่เข้าพักและพนักงาน

โรงแรม เช่น มีบริการรถโรงพยาบาลไปรับผู้ป่วยฟรี เพิ่มช่องทางระบบเทเลเมดีซีนบริการให้กับโรงแรม สามารถพบแพทย์ได้โดยไม่ต้องมาที่โรงพยาบาล หากเจ็บป่วยไม่มากก็สามารถส่งยาไปให้ทันที เป็นต้น” ดร.ฐิติพงศ์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้จากการดำเนินงานที่ผ่านมาและแผนการพัฒนาในอนาคต จะช่วยปรับภาพลักษณ์และยกระดับให้โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ไปสู่การเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยเกรดพรีเมียมของเครือโรงพยาบาลธนบุรี มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง สามารถเข้าถึงได้ง่ายผ่านแอพพลิเคชั่น คาดว่าภายใน 5 – 10 ปี จะสามารถสร้างแบรนด์ให้เทียบเท่ากับแบรนด์โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของไทย ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในระดับกลางถึงสูงอย่างแน่นอน