Etix Everywhere ลุยดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยขยายตัว

Etix Everywhere ลุยดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยขยายตัว

"Etix Everywhere" หนึ่งในแนวร่วม Green Heroes for Life ของ "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค" เผยกรณีศึกษาถึงความุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน

การก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างก้าวกระโดดในไทย โดยมีตัวเร่งจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสการเติบโตของ เศรษฐกิจดิจิทัล ของไทยโดดเด่นสุดในภูมิภาค รวมไปถึง Etix Everywhere ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์สัญชาติฝรั่งเศส ที่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ "ETIX Bangkok #1" โดยได้ร่วมทุนกับบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน ETIX 67% และอินเตอร์ลิ้งค์ 33%

นายหลุยส์ บลองโช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Etix Everywhere กล่าวว่า บริษัทฯ เริ่มปักธงประเทศไทยเป็นที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากตลาดในไทยมีการเติบโตของการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ก่อนที่จะขยายไปยังเวียดนามและฟิลิปปินส์ ภายในปี 2024 

ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของข้อมูล (Data Usage) ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของคนไทย อาทิ การใช้จ่ายไร้เงินสด และการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ รวมถึงภาคธุรกิจเองที่กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลมากยิ่งขึ้นและเป็นไปตามเทรนด์ของโลก ส่งผลให้ดีมานด์ของ ดาต้าเซ็นเตอร์ เพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีแหล่งจัดเก็บข้อมูลที่ใกล้ลูกค้ามากที่สุด

Etix Everywhere ลุยดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยั่งยืน รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลไทยขยายตัว

นายหลุยส์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน "ETIX Bangkok #1" ตอบสนองความต้องการของลูกค้าระหว่างประเทศใกล้เต็มศักยภาพ จึงมีแผนขยาย ดาต้าเซ็นเตอร์ เฟสที่สองเพิ่มขึ้น 400 racks ขนาด 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเปิดใช้งานในไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์เฟสที่สองจะมีการพัฒนามาตรฐานการออกแบบ เพื่อลดการสร้าง คาร์บอนฟุตพริ้นท์ อาทิ มีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์ม ขนาด 830 กิโลวัตต์ บนหลังคา เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนลง 35% การออกแบบระบบคูลลิ่งโดยไม่ใช้น้ำ เพิ่มประสิทธิภาพความจุในพื้นที่

"ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยมีแนวโน้มการขยายตัวสูง จากที่ผ่านมามีผู้ให้บริการคลาวด์จากต่างชาติที่ทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะมีความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่ออกแบบอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความยั่งยืน"

นายหลุยส์ กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะเดียวกันค่าไฟฟ้าที่ขยับเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ ทำให้ Etix Everywhere ต้องพิจารณาและวางกลยุทธ์ใหม่ เพื่อเร่งควบคุมตัวแปรดังกล่าว ซึ่งเป็นต้นทุนหลักของธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจไปที่อื่น อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นปัจจัยทั้งหมดในการตัดสินใจในการใช้บริการ ดาต้าเซ็นเตอร์ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ความน่าเชื่อถือและความไว้ใจได้ของโครงสร้างพื้นฐานว่ามีไฟฟ้าเพียงพอหรือไม่ โดยการเข้าร่วม Climate Neutral Data Center Pact ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการกำหนดเป้าหมาย เพื่อบรรลุ ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2030

"ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มีความต้องการใช้ไฟฟ้าคิดเป็น 2% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 8% ในปี 2030 รวมทั้งยังใช้น้ำในปริมาณมากในระบบทำความเย็น ในขณะที่ทรัพยากรน้ำนั้นมีจำกัด ดังนั้นในฐานะผู้นำตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ บริษัทฯ จึงมุ่งหาโซลูชันในการลดปริมาณการใช้พลังงานและเพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน"

นายหลุยส์ กล่าวทิ้งท้ายว่า มาตรการส่งเสริมจากภาครัฐเองจะเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจที่ใช้พลังงานสูงมีแรงจูงใจในการหันไปใช้ ไฟฟ้าพลังงานสะอาด เพิ่มยิ่งขึ้น และช่วยผลักดันเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในภาพรวม