"ไอ-เทล" ปักธงตลาดต่างประเทศ ตั้งบริษัทย่อยในจีนและยุโรป

"ไอ-เทล" ปักธงตลาดต่างประเทศ ตั้งบริษัทย่อยในจีนและยุโรป

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ประกาศจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในจีนและเนเธอร์แลนด์ มุ่งขยายตลาด ต่อยอดธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC กล่าวว่า ไอ-เทล เตรียมจัดตั้ง i-Tail (Shanghai) Co., Ltd. ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดจีน โดยมุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง (Private Label) รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทาง ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยประเทศจีน นับเป็นตลาดกลยุทธ์สำคัญที่ ITC สนใจเข้าไปขยายธุรกิจ จากข้อมูลของ Frost & Sullivan ในปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับแมวและสุนัขในประเทศจีนมีมูลค่าถึง 8,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 19.8% และจะมีมูลค่าถึง 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 ขณะเดียวกันแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ และค่านิยมในการแต่งงานแล้วค่อยมีลูกในภายหลัง ส่งผลให้ประชากรในจีนหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และเกิดกระแสการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว ผู้คนเริ่มตระหนักถึงการเลือกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกระดับพรีเมียมได้รับกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

"ในส่วนของยุโรป บริษัทย่อยของ ไอ-เทล ที่เตรียมจัดตั้งคือ i-Tail Europe B.V. ตั้งอยู่ที่เมืองอูเทร็คท์ (Utrecht) ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์และสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงสู่ตลาดในทวีปยุโรป โดยเฉพาะตลาดในสหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เพื่อมุ่งเน้นการหาลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง (Private Label) และลูกค้าแบรนด์ระดับภูมิภาคยุโรป รวมไปถึงแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทาง ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง" นายพิชิตชัย กล่าว

นายพิชิตชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทุนในทวีปยุโรป ITC เล็งเห็นว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง ในทวีปยุโรป รวมถึงสหราชอาณาจักร มีขนาดใหญ่ถึง 16,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 และคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 18,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 บริษัทฯ จึงวางแผนที่จะแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจ และขยายส่วนแบ่งตลาดของบริษัทฯ ในตลาดยุโรป โดยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าเดิม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมไปยังร้านค้าปลีกในประเทศแถบยุโรป โดยเริ่มจากการตั้งบริษัทย่อยในประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังสหราชอาณาจักรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งในจีนและเนเธอร์แลนด์ และมีตัวแทนจากบริษัทฯ เข้าไปเป็นกรรมการในบริษัทย่อยดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัททั้งสองแห่งแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566