"พายุฤดูร้อน" ถล่มมหาสารคาม ต้นไม้อายุ 100 ปี โค่นทับรถพังนับสิบคัน

"พายุฤดูร้อน" ถล่มมหาสารคาม ต้นไม้อายุกว่า 100 ปี หักโค่นทับรถยนต์พังนับสิบคัน หลังคาปลิว-เสาไฟฟ้าล้มระนาว ประชาชนได้รับผลกระทบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ

วันที่ 16 เมษายน 2565 เมื่อเวลา 15.30 น. ภายหลัง "กรมอุตุนิยมวิทยา" ได้ออกประกาศเตือน "พายุฤดูร้อน" มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าบางพื้นที่ โดยจะเริ่มได้รับผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน)

 

 

วันนี้(16 เมษายน 2565) ที่วัดศรีสวัสดิ์ อ.เมือง จ.มหาสารคาม เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง พัดต้นเค็ง อายุกว่า 100 ปี หักโค่นทับรถยนต์ของชาวบ้านที่จอดไว้ในวัดเสียหายกว่า 10 คัน เจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองมหาสารคาม ได้นำเลื่อยยนต์ไปตัดต้นไม้เพื่อนำรถยนต์ออก ซึ่งระหว่างปฏิบัติงานมีเจ้าหน้าที่ถูกเลื่อยยนต์บาดแขนเป็นแผลลึก 1 คน ก่อนที่จะเรียกหน่วยกู้ภัยมาปฐมพยาบาลและนำส่งโรงพยาบาลต่อไป

 

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าแรงพายุได้พัดหลังคาเหล็กหลุดออกมาจากแผงทับเสาไฟฟ้าจนหัก อยู่ที่บริเวณถนนเส้นร้านสว่างค้าไม้ลงไปทางถนนมหาชัยดำริห์อีกด้วย

 

 

 

ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ได้เกิดลมแรงมาพร้อมกับฝนตก หลังจากนั้นได้ยินเสียงต้นไม้หัก ตนไม่กล้าออกมาดูเพราะมีทั้งเสียงฟ้าร้อง ลมกรรโชกแรงมาก ซึ่งตนไม่เคยเห็นพายุที่พัดแรงขนาดนี้มาก่อน เมื่อฝนหยุดจึงออกมาดู ก็พบว่าต้นเค็งอายุ 100 ปีล้มทับรถชาวบ้านเสียหายหลายคัน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตัดต้นไม้ออก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของวัด มีต้นไม้ร่มรื่น ชาวบ้านในชุมชนที่ไม่มีที่จอดรถได้นำรถมาจอดดังกล่าว ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกิดพายุลมแรงพัดต้นไม้ล้มทับรถยนต์

 

ทำให้พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม มีความเสียหายเกิดในวงกว้าง โดยเฉพาะที่บริเวณเต้นท์ตรวจโควิด-19 ของโรงพยาบาลสุทธาเวช แรงลมพัดเต้นท์ที่ตั้งไว้ 2 หลัง เพื่อรองรับผู้มารอตรวจโควิดพังลง ทั้งโต๊ะเก้าอี้ รวมถึงรถวิลแชร์ ถูกแรงลมพัดจนเคลื่อนที่เองได้ และยังมีอุปกรณ์หลายอย่างเสียหาย รวมไปถึงภายในตัวที่อาคารที่หลังคารั่วน้ำไหลทะลุฝ้าเพดาน ทำให้ฝ้าเพดานพังถล่มลงมา มีพยาบาลบาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน ซึ่งขณะเกิดเหตุมีผู้มารอตรวจ RT-PCR ประมาณ 30 คน ซึ่งส่วนมาก ATK ขึ้น 2 ขีดมาแล้ว และมารอตรวจซ้ำ โดยจุดดังกล่าวเป็นจุดที่รอพบหมอและจุดจ่ายยา

 

ข่าวโดย เอนก กระแจ่ม จ.มหาสารคาม