"เมียไฮโซลูกนัท" แจ้งเอาผิด รองหัวหน้าพรรค ทนายตั้ม เผยมีเหยื่ออีกหลายราย

"เมียไฮโซลูกนัท" แจ้งเอาผิด รองหัวหน้าพรรค ทนายตั้ม เผยมีเหยื่ออีกหลายราย

"เมียไฮโซลูกนัท" แจ้งเอาผิดนักการเมืองดัง อดีตรองหัวหน้าพรรค หลังตกเป็น 1 ในเหยื่อถูกกระทำอนาจาร ขอผู้เสียหายรายอื่นอย่ากลัวคำขู่ ให้กล้าออกมาสู้ ด้าน "ทนายตั้ม" เผยพบมีผู้เสียหายอีกหลายราย

วันที่ 14 เมษายน 2565 เมื่อเวลา 18.30 น. แอนนา หทัยรัตน์ วิทยพูม "เมียไฮโซลูกนัท" หรือนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงศักดิ์ การัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี หลังถูกอดีต รองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวงไปข่มขืนกระทำชำเราเช่นกัน

 

 

น.ส.หทัยรัตน์ หรือ เมียไฮโซลูกนัท กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อปี 2564 โดยตนได้นัดคุยเรื่องงานกับนักการเมืองดังคนนี้ในตอนกลางวัน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยเขาอ้างว่าเป็นเจ้าของและบอกว่ามีออฟฟิศอยู่ใกล้ๆกันกับร้าน แต่พอไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 33 จากนั้นนักการเมืองดังคนดังกล่าวก็ล็อกประตูห้องแล้วข่มขืน ซึ่งตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืนก็ทำอะไรไม่ได้

 

ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้นตนเพิ่งเลิกกับแฟนที่แพลนจะแต่งงาน และเสียน้องชายไป ทำให้อยากเริ่มอะไรใหม่ๆ นักการเมืองดังคนนี้ก็เข้ามาขายฝันหลอกล่อเรื่องธุรกิจ บอกว่าให้ลองมาคุยกันเพราะเขาบอกว่าตนมีศักยภาพ เราก็ตกหลุมไปเพราะงานนั้นเป็นการรวมตัวของนักธุรกิจ

 

เมียไฮโซลูกนัท กล่าวต่ออีกว่า การออกมาเปิดเผยตัวตนในวันนี้ก็เพื่อให้เหยื่อรายอื่นๆนั้นกล้าที่จะออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง เพราะตอนแรกตนรู้สึกเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่พอทราบว่ามีผู้เสียหายอีกเยอะจึงต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเขาไม่ได้ขู่ แต่พูดเชิงข่มว่า "ใครทำอะไรเข้าไม่ได้" และใช้กำลังบังคับตน ซึ่งหากเขาเป็นคนปกติก็คงแจ้งความไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว

 

 

โดยวันเดียวกันนี้เมื่อเวลา 17.50 น. ที่ สน.ลุมพินี "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อดีตทีมงานภายในพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อที่เคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่กระทำอนาจาร แจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีเพิ่มเติม

โดย ทนายตั้ม กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องที่แฉออกไป ก็มีเหยื่ออีก 5 คน ติดต่อเข้ามาว่าถูกลวนลาม ข่มขืน กรณีนี้เหตุเกิดที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเหยื่อทำงานในพรรคเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่าขณะเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเมาแต่อย่างใด โดยวันนี้ได้ประสานให้มาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี พร้อมนำหลักฐานเป็นรูปภาพขณะเกิดเหตุ และเพื่อนของเหยื่อมาให้ปากคำ

 

นอกจากนี้ยังมีเหยื่ออีกรายที่เคยเป็นนางแบบ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก ที่เตรียมจะมาแจ้งความด้วย ซึ่งตนมีภาพที่เตรียมจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้(15 เม.ย. 2565)

 

"เหตุที่เหยื่อไม่กล้าแจ้งความเพราะหลายคนอยู่กับผู้ก่อเหตุในลักษณะสองต่อสอง เกรงจะไม่มีหลักฐาน แต่ตนจะให้รวบรวมสำนวนเพื่อให้เหยื่อเป็นพยานซึ่งกันและกัน ซึ่งอายุความของคดีนี้มีระยะเวลา 15 ปี และตนทราบมาว่าเหตุผลที่ผู้ก่อเหตุนัดพบเหยื่อหลายรายที่ร้านอาหารแห่งนี้เพราะคอนโดของผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้กัน"

 

น.ส.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า เมื่อปี 2563 มีช่วงหนึ่งที่กำลังจะเลิกงานเลี้ยงก็นำของไปเก็บท้ายรถ คนก่อเหตุเข้ามาข้างหลัง บีบหน้าอกอย่างแรง จับก้นและล้วงของสงวน ตนปัดป้องและบอกให้หยุด เขาก็หยุดเพราะมีคนเดินเข้ามา ตนตกใจมากและบอกว่าเจ็บ เขาก็ขึ้นรถแล้วออกไปเลย ยืนยันว่าเรารู้จักกันในฐานะพี่น้อง เคยคุยกันปกติ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยหลังเกิดเหตุเขาก็ไลน์มาและโทรศัพท์มาชักชวนมาคอนโดที่กรุงเทพฯ พอตนปฏิเสธไปก็ไม่ได้ชวนอีก

 

"การที่เขาแถลงข่าวในวันนี้ตนมองว่าเป็นการโกหก ซึ่งนับแต่เกิดเหตุก็ไม่เคยปรึกษาคนในพรรคการเมืองเลย เพราะเราเป็นแค่คนตัวเล็กๆ อาจทำอะไรไม่ได้ และเมื่อก่อนตนเป็นทีมงานในพรรคแต่ได้ลาออกมาแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของพรรคเชื่อพวกตนบ้าง ต้องคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อด้วย" น.ส.เอ กล่าว

 

ทั้งนี้คนขับรถแท็กซี่ที่รับผู้เสียหายวัย 18 ปี จากโรงแรมที่เกิดเหตุมาส่งยัง สน.ลุมพินี เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจในฐานะพยาน โดยเล่าเหตุการณ์วันดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากในวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานโรงแรมออกมาเรียกรถแท็กซี่เข้าไปรับผู้โดยสาร เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนรถแท็กซี่ตนเห็นว่ามีอาการฟูมฟายร้องไห้ไม่หยุด ก่อนที่จะโทรศัพท์หาแม่ ซึ่งตนจับใจความการพูดคุยได้ว่า ผู้เสียหายมาที่โรงแรมเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดหลังจากถูกกระทำชำเรา ก่อนที่จะบอกกับตนอีกครั้งว่าขอเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นที่ สน.ลุมพินี เพื่อไปแจ้งความ