เปิดใจสาว เหยื่อ "นักการเมืองดัง" อีกราย เล่าโดนขู่-ทำป่วยซึมเศร้า

เปิดใจสาว เหยื่อ "นักการเมืองดัง" อีกราย เล่าโดนขู่-ทำป่วยซึมเศร้า

เปิดใจสาว เหยื่อ "นักการเมืองดัง" อีกราย เล่าเหตุการณ์หลังถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่ปี 56 เผยถูกข่มขู่ไม่ให้แจ้งความ สภาพตอนนี้ป่วยซึมเศร้า - รู้สึกไร้ค่า

กลายเป็นข่าวอื้อฉาวหลังนักศึกษาสาวรายหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินี โดยอ้างว่าถูกนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค ทำการลวนลาม กอดจูบ หลังหลอกมาคุยเรื่องงานและสอนหุ้น ที่ร้านอาหารชั้นดาดฟ้า ภายในโรงแรมย่านสุขุมวิท ซึ่ง "ทนายตั้ม" ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ออกมาระบุว่ายังมีเหยื่ออีกหลายรายที่ถูกกระทำลวนลาม อนาจาร และข่มขืน

 

 

ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับสาวรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อถูกนักการเมืองชื่อดังล่วงละเมิดทางเพศ โดยเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมา เหยื่อรายนี้เปิดเผยว่า รู้จักนักการเมืองคนดังกล่าวในงานอีเว้นท์ของพรรค โดยทันทีที่พบนักการเมืองคนนี้เขาเข้ามาจีบ แต่ตนปฏิเสธเพราะมีแฟนแล้ว หลังจากนั้นนักการเมืองคนนี้ได้พูดคุยในลักษณะเพื่อน คบหากันมานานหลายปี ทำให้เกิดความไว้วางใจ

 

วันเกิดเหตุเขานัดให้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท หลังทานข้าวเสร็จฝ่ายชายอ้างว่าลืมของและพาไปที่เพนท์เฮ้าส์ ตอนนี้คิดว่าเป็นเพียงสำนักงาน แต่เมื่อไปถึงเพนท์เฮ้าส์ได้ถูกฝ่ายชายผลักเข้าห้องนอนและล็อคห้อง ก่อนที่จะใช้กำลังล่วงละเมิดทางเพศ หนูพยายามกรีดร้อง แกล้งชัก และบอกว่ามีแฟนแล้ว รวมถึงอ้างว่ามีประจำเดือน แต่ฝ่ายชายไม่หยุดและพูดว่า "ยอมพี่เถอะ เดี๋ยวพี่ซื้อรถ ซื้อของให้ แล้วจะเลี้ยงดูเอง" ตนขัดขืนสู้แรงนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เป็นผล

 

 

สาวรายนี้ยังบอกอีกว่า หลังก่อเหตุแล้วถูกฝ่ายชายข่มขู่ว่า "ตำรวจจะช่วยอะไรได้ เพราะพ่อมีอำนาจ" ด้วยความกลัวจะถูกทำร้ายจึงไม่ได้เข้าแจ้งความ จากนั้นตนไม่ได้เจอกับฝ่ายชายอีกหลายปี จนกระทั่งมาพบกันอีกครั้งในงานอีเว้นท์ของพรรค ซึ่งฝ่ายชายได้นัดตนกินข้าวอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ผ่านมา ซึ่งครั้งหลังตนได้ปฏิเสธและตัดขาดการติดต่อ

 

"รู้สึกโล่งใจและดีใจอย่างมากที่มีคนกล้าออกมาพูด เพราะตัวเองต้องเก็บกดมานานหลายปี กลัวว่าพูดไปแล้วจะไม่มีคนเชื่อ ตั้งแต่เกิดเรื่องก็เป็นโรคซึมเศร้าจนถึงทุกวันนี้ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า แต่คราวนี้ดีใจที่จะมีคนเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสักที และเชื่อว่ามีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อมากกว่านี้ จึงขอให้ทุกคนกล้าออกมาพูด รวมถึงนับถือคนที่ออกมาแจ้งความเป็นอย่างมาก ส่วนฝ่ายชายหากจะไม่ยอมรับผิดก็ไม่เป็นไร เพราะจะไม่มีผู้หญิงคนไหนหลงเชื่อแล้วตกเป็นเหยื่ออีกแล้วหลังจากนี้"