เตาหลอมโรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา ระเบิด เสียชีวิต 1 เจ็บ 4

เตาหลอมโรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา ระเบิด เสียชีวิต 1 เจ็บ 4

เกิดเหตุเตาหลอมภายในโรงงาน จ.ฉะเชิงเทรา ระเบิด มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย อยู่ระหว่างตรวจสอบหาสาเหตุอย่างแน่ชัดอีกครั้ง

มื่อวันที่ 17 ก.พ. 65 เกิดเหตุเตาหลอมภายในโรงงานระเบิด จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยัง บริษัท ไฮ เอฟฟิซิเอ็นซี่ จำกัด เลขที่ 68 ม.12 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถเข้าไปด้านไหนได้เจ้าหน้าที่รปภ.แจ้งว่าไม่มีอะไร และปิดประตู แต่ในระหว่างการรอหาข่าวพบว่ามีรถของฝ่ายปกครองและโรงพยาบาลได้ขับเข้าไปด้านใน และยังพบรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ พ.ต.อ.สมชาย ทิวงษา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว พร้อมด้วย ร.ต.ท. ธนัง วรรณศิริ พนักงานสอบสวนร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว อยู่ภายในโรงงาน

ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เล่าว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากภายในโรงงานแต่ไม่ทราบว่าเกิดอะไร จนกระทั้ง นายธานินทร์​ พุทธรัตน์ อายุ 65 ปี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแปลงยาว ได้เข้าร่วมทำการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย สภาพถูกแรงอัดจากการระเบิดเสียชีวิตคาที่ และยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 4 ราย ซึ่งทางโรงงานได้นำรถส่งผู้ได้รับบาดเจ็บเอง

โดยจากข้อมูลที่ทราบเมื่อช่วงเช้าได้มีช่างเข้ามาซ่อมแซมเตาหลอมภายในโรงงาน โดยช่างซ่อมได้เชื่อมท่อแก๊ส ขณะซ่อมแซมได้ปิดระบบเรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าน่ายังมีแก๊สหลงเหลืออยู่ในท่อ ทำให้เกิดระเบิดขึ้น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นคนไทยทราบชื่อต่อมานายชาญชัย เขียวแก่ อายุ47ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เป็นชาวต่างด้าว เบื้องต้นทราบว่าพนักงานในโรงงสนได้ช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

สำหรับสาเหตุที่แน่ชัดขณะนี้อยู่ระหว่างรอกองพิสูจน์หลักฐานเข้าทำการตรวจสอบหาสาเหตุอย่างแน่ชัดอีกครั้ง หลังดำเนินการตรวจสอบของสาเหตุที่เกิดขี้นอย่างละเอียด และชัณสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตเบื้องต้นก่อนให้หน่วยกู้ภัยนำร่างส่งรพ.แปลงยาวเพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ด้านโรงงานดังกล่าวได้มีการขออนุญาต​ก่อสร้างและตั้งขึ้นเป็นโรงหลอม โดยส่วนใหญ่จะทำการหลอมอลูมิเนียมเป็นส่วนมาก ส่วนการปะกอบกิจการต่างเจ้าหน้าจะต้องทำการตรวจสอบรายละเอียดการประกอบการอีกครั้งว่าทุกอย่างได้อยู่ในมาตรฐานหรือไหม โดยเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป