เรียก 3 อำเภอหาแนวทางบูรณาการลดจุดความร้อน จ.เชียงใหม่

รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ลงพื้นที่ อ.แม่ออน หลังเกิดไฟป่าต่อเนื่อง เน้นย้ำให้เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าระวังและดับไฟในพื้นที่ เตรียมเรียก 3 อำเภอรอยต่อ แม่ออน สันกำแพง ดอยสะเก็ด ประชุมหาแนวปฏิบัติบูรณาการร่วมกัน เพื่อลดปัญหาจุดความร้อน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามและมอบแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันในพื้นที่อำเภอแม่ออน โดยมีนายชลิต ทิพย์คำ นายอำเภอแม่ออน ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังแนวทางการปฏิบัติและชี้แจงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

นายชลิต ทิพย์คำ นายอำเภอแม่ออน เปิดเผยว่าสืบเนื่องจากสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่อำเภอแม่ออน ปรากฏพบจุดความร้อน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 – 16 กุมภาพันธ์ 2565 รวมทั้งสิ้น 87 จุด อำเภอแม่ออนได้ดำเนินการตามมาตรการบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งจากภาคราชการ หน่วยทหาร ภาคประชาชน ภาคเอกชน อาสาสมัคร มูลนิธิ ให้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนและกำหนดแนวทางมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน อาทิ การกำหนดกติกาห้ามการเผาของหมู่บ้าน การจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน เป็นต้น พร้อมกันนี้ ได้ดำเนินการลดฝุ่นควันในอากาศ เช่น การฉีดล้างถนน การฉีดพ่นละอองน้ำ, แจ้งช่วงเวลาห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิดอย่างเด็ดขาดตามประกาศของจังหวัด และการจัดพื้นที่ปลอดมลพิษ

ด้านนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าระวังและดับไฟในพื้นที่ ตลอดจนพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างอำเภอรอยต่อร่วมกัน โดยสนธิกำลังร่วมกันทั้งเจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ประชาชน หากในพื้นที่เกิดไฟป่าขึ้น ขอให้เร่งดำเนินการดับไฟและตรวจสอบเชื้อไฟที่อาจจะยังไหม้ตามขอนไม้ ให้ดับให้สนิทและทำแนวกันไฟเพิ่มเติม ป้องกันการลุกลามขยายเป็นวงกว้าง และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนควบคู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

สำหรับสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทั้งพื้นที่เผาไหม้ลดลงร้อยละ 70 อย่างไรก็ตามทางจังหวัดไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการหมอกควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเน้นย้ำให้แต่ละพื้นที่โดยมอบหมายให้นายอำเภอแต่ละอำเภอเฝ้าระวังการเกิดจุดความร้อน โดยการจัดเวรยามเฝ้าระวังอย่างใกล้นี้

 

โดยในวันนี้ได้ลงมาในพื้นที่บ้านสหกรณ์ หมู่ 1 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ หลังจากที่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งเป็นจุดรอยต่อระหว่างอำเภอสันกำแพงและอำเภอแม่ออน และเกิดไฟป่าขึ้นต่อเนื่องหลายวันโดยชาวบ้านได้เข้าช่วยกันทำแนวกันไฟทำให้สามารถหยุดไฟป่าไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง

 

การเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการเผาไหม้ในพื้นที่ ด้วยการงดการเผา และหากมีความจำเป็นที่ต้องเผา จะต้องมีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างถูกต้อง โดยการขออนุญาตใช้ไฟอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ทั้งนี้ต้องดูสภาพอากาศเป็นหลัก

 

อย่างไรก็ตามจังหวัดได้มีการเน้นย้ำให้แต่ละอำเภอรวมบูรณาการในการเฝ้าระวังจุดความร้อนระหว่างรอยต่อ เพื่อบริหารจัดการทำแนวกันไป และลาดตระเวนตามแนวรอยต่อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งจุดที่ลงพื้นที่ในวันนี้เป็นจุดรอยต่อระหว่างอำเภอแม่ออน อำเภอดอยสะเก็ด และ อำเภอสันกำแพง ซึ่งจะมีการพูดคุยกันหาแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันในบริเวณรอยต่อระหว่างอำเภอในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้การทำงานไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดหรือดับไฟป่าให้ได้เร็วที่สุด นอกจากนั้นในระหว่างรอบต่อจังหวัดเองก็ได้มีการพูดคุยกันเพื่อบูรณาการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเรื่องหมอกควันไฟป่าไปพร้อมกัน

 

ทั้งนี้จังหวัดได้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เกิดไฟป่าแล้วดับยาก ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังจัดชุดลาดตระเวนสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับป่า

 

น.ส.วรารัตน์ ทาเบียง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตั้งแต่ 1 มกราคม – 30 เมษายน 2565 ได้ประชาสัมพันธ์ให้ลูกบ้านทุกคนได้รับทราบว่า หากเข้าป่าจะต้องมาลงทะเบียนในการเข้าพื้นที่ป่า และเมื่ออกจากพื้นที่ต้องมาแจ้งให้ทราบ เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่า อย่างไรก็ตามในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ทางหมู่บ้านจะดำเนินการทำแนวกันไฟอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้าที่ได้ทำไปแล้วประมาณ 2 กิโลเมตร จากระยะทางทั้งหมด 5 กิโลเมตร ขณะเดียวกันได้มีการจัดเตรียมชุดลานตระเวนไว้วันละ 3-4 คน เพื่อลาดตระเวนในแนวเขตประมาณ 5 กิโลเมตร อย่างสม่ำเสมอ