สู้กับ "เสือโคร่ง" หนุ่มกะเหรี่ยงเล่านาทีชีวิต เอาตัวรอดจากเสือ 3 ตัว

สู้กับ "เสือโคร่ง" หนุ่มกะเหรี่ยงเล่านาทีชีวิต เอาตัวรอดจากเสือ 3 ตัว

นายหวาน ชาวกะเหรี่ยง อายุ 46 ปี ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ถูก "เสือโคร่ง" ตะปบได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าตัวเล่านาทีชีวิต เอาตัวรอดจากเสือ 3 ตัว

จากกรณีนายหวาน ชาวกะเหรี่ยง อายุ 46 ปี ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ถูก "เสือโคร่ง" ตะปบได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษา เจ้าตัวเล่าเหตุการณ์นาทีชีวิตที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา

 

 

เขาเล่านาทีเผชิญหน้ากับ "เสือโคร่ง" ว่าก่อนเกิดเหตุตนออกจากหมู่บ้านเพื่อไปดูควายที่เลี้ยงเอาไว้เพียงลำพังคนเดียว โดยตนได้นำสุนัขที่เลี่ยงเอาไว้จำนวน 3 ตัวไปด้วย ระหว่างเดินทางกลับบ้านปรากฎว่ามีเสือโคร่งจำนวน 2 ตัววิ่งไล่ตามหลังมา ตนจึงพยายามวิ่งหลบหนี แต่ระหว่างนั้นกลับมีเสือโคร่งไม่ทราบเพศตัวยาวประมาณ 8 ศอกอีก 1 ตัวยืนขวางทางอยู่ด้านหน้า

 

จากนั้น "เสือโคร่ง" ตัวดังกล่าวได้กระโจนเข้าทำร้ายตนอย่างรวดเร็ว ซึ่งตนได้พยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดทุกวิถีทาง โดยใช้หมัดชกอย่างแรงจนทำให้กระดูกข้อมือหัก ช่วงเวลาที่ตนสู้กับเสือนั้นตนจำไม่ได้แค่คาดว่าประมาณ 30 นาทีและถือว่าโชคดีที่เสือ 2 ตัวตัวที่วิ่งตามมาก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้ามาทำร้ายตน และตนสามารถฝืนใจวิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนกอไผ่ได้

 

ช่วงที่ตนหนีขึ้นไปอยู่บนกอไผ่ เสือโคร่ง ตัวดังกล่าวได้แต่มอง ซึ่งตนได้พยายามร้องตะโกนขอให้เสือออกไปพร้อมกับใช้ท่อนไม้ไผ่ขว้างใส่เสือ จนกระทั่งเสือโคร่งเดินเข้าไปในป่า เมื่อมั่นใจว่าเสือไปแล้ว จึงรีบลงจากกอไผ่แล้ววิ่งหนีสุดชีวิตเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านให้นำส่งโรงพยาบาล

 

 

สำหรับบาดแผลตามร่างกายมีรอยเขี้ยวเสือกัดจำนวน 20 แผล ซึ่งเมื่อวานนี้ (1 ก.พ.2565) คณะแพทย์ผู้รักษาได้อนุญาตให้นายหวาน ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเนื่องจากอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยคณะแพทย์ได้นัดให้มาพบหมอเพื่อตรวจอาการอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 9 ก.พ.ที่จะถึงนี้ต่อไป

 

ทั้งนี้ ค่ารักษาทราบว่าต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิประมาณ 8,000 กว่าบาทและโรงพยาบาลหลพลพยุหเสนาอีกประมาณ 16,000 บาท เบื้องต้นทางกรมอุทยานฯได้มอบเงินช่วยเหลือมาแล้ว 10,000 บาท

 

ด้านน้าสาวของนายหวานเล่าว่า ในพื้นที่ไม่เคยพบเสือโคร่งมาก่อน แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้านที่มีการยิงสู้รบกันตามแนวชายแดนที่ใกล้กับบ้านปิล๊อกคี่ ทำให้ทหารกะเหรี่ยงหนีร่นเข้ามาอาศัยอยู่ตามผืนป่าที่เป็นที่อยู่ของ เสือโคร่ง

 

จากการยิงที่ทำให้เกิดเสียงดัง เสือโคร่ง ที่อาศัยอยู่ผืนป่าฝั่งประเทศเมียนมาจึงอพยพถิ่นฐานเข้ามาหากินที่ผืนป่าฝั่งไทย สิ่งที่ตนมั่นใจว่าเป็นเสือมาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น เนื่องจากตนได้รับแจ้งจากญาติที่เป็นทหารกะเหรี่ยงอยู่ฝั่งเมียนมาว่า มีเสือโคร่งจำนวน 5 ตัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ฝั่งไทยได้ประมาณ 2-3 เดือนแล้ว