แฉกลโกง! หลอกลงทุนผ่านแอพ สูญเงินกว่า 88 ล้าน ร้องตำรวจไซเบอร์ช่วยด่วน

ผู้เสียหาย หอบเอกสารร้องตำรวจไซเบอร์ แฉกลโกง หลอกลงทุนผ่านแอพสูญ เงินกว่า 88 ล้าน

(17 ม.ค.65) ผู้เสียหาย แฉบริษัทดังหลอกลงทุน รวมตัวหอบเอกสารร้อง ตำรวจไซเบอร์ หลังถูกหลอกลงทุนผ่านแอพลิเคชั่น หลงเชื่อเพราะได้ผลตอบแทน สะสมเหรียญแลกเงิน เบื้องต้นพบมูลค่าความเสียหายยอดสูงถึง 88 ล้านบาท

17 มกราคม 2565 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 จ.ขอนแก่น พ.ต.ต.โรจน์ สาทอง สว.(สอบสวน) กก.1 สอท.3 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จากกรณีที่ถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแอพพลิเคชัน โดยหน้าเพจ ระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ สินค้าอุปโภค บริโภค และอื่นๆ เชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจุด โดยมีประชาชนผู้เสียหายที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ชัยภูมิ ที่รวมตัวกันกว่า 20 คน เดินทางมาให้ปากคำ

จากการสอบถามนางอรปรียา ชาวตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เล่าว่า เริ่มจากสามีรู้จักผู้ชักชวนผู้สนใจให้เข้าร่วมลงทุนซื้อสินค้าในรูปแบบเป็นเหรียญออนไลน์ และให้ลงทุนเปิดร้านขายสินค้าเองในชื่อของบริษัท เพื่อสร้างความมั่นใจ

 โดยโอนเงินค่าลงทุนตามขนาดร้านที่ต้องการเปิด เช่น ร้านขนาดเล็ก จำนวนเงิน 30,000 บาท ไปจนถึง ขนาดใหญ่ จำนวนเงิน 120,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าว อ้างว่า หากลงทุนซื้อเหรียญในร้านออนไลน์ยิ่งมากจะได้เงินปันผลจากการซื้อสูง หรือหากซื้อร้านค้าได้เงินปันผลสูงเช่นกัน อีกทั้งบริษัทได้จัดโปรโมชัน ว่าจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มเป็น 2 เท่า และแบ่งจ่ายให้ทุกสัปดาห์

 

“แรกเริ่มคุยกันเรื่องการลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด 19 จึงต้องพับโครงการไว้ก่อน ผู้ชักชวนจึงแนะนำให้สมัครเป็นสมาชิก ลงทุนซื้อสินค้าเริ่มต้นในราคาชุดละ 1,200 บาท ได้สินค้ามา 1 ชุด มีทั้งกาแฟ น้ำยาปรับผ้านุ่ม สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นต้น ภายใน 1 อาทิตย์ ทางบริษัทอ้างว่างบโฆษณา ที่เราซื้อสินค้า 1,200 บาท ได้ปันผลคืนกลับมา 1,500 บาท ถือว่าได้กำไรจากการลงทุนชุดละ 300 บาท ต่อ 1 อาทิตย์ จึงมองว่าเป็นผลตอบแทนที่ดี 

จากนั้นได้ชักชวนคนในครอบครัวมาร่วมลงทุน เฉพาะครอบครัวเรา 4 คน ลงทุนไป 12 ล้านบาท แรกๆได้รับเงินปันผล สั่งซื้อสินค้าได้สินค้าตามที่สั่ง จึงเริ่มไปชักชวนคนรู้จักให้มาร่วมลงทุนด้วย ช่วงแรกที่ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริง จากนั้นตัดสินใจลงทุนซื้อแหวนเพชรทั้งหมดรวม 6 วง ซึ่งเป็นการสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่อสั่งผลิตแหวนตามขนาดที่ต้องการ แต่ไม่เคยเห็นแหวนเพชรที่สั่งซื้อ กระทั่งเดือนสิงหาคม 2564 ทั้งการปันผล และการสั่งซื้อแหวน เริ่มมีปัญหา ไม่ได้รับเงินปันผล เมื่อทวงถามทางบริษัทอ้างว่าอยู่ระหว่างพัฒนาปรับปรุงแอพพลิเคชั่น ปรับปรุงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 

กระทั่งเดือนกันยายน 2564 ที่มีสัญญาณชัดเจน คือบริษัทได้หยุดดำเนินการ ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ทราบว่ามีใครเป็นเจ้าของ แล้วมีประกาศทางเอไอของบริษัท ว่า ขอเลื่อนการจ่ายปันผล ซึ่งเลื่อนมาเรื่อย เบื้องต้นรับปากจ่ายคืนมกราคม 2565 แต่ก็ยังไร้วี่แวว จึงเชื่อว่าถูกบริษัทหลอกให้ลงทุน จึงรวมตัวเดินทางมาร้องเรียน พบว่ามีมูลค่าความเสียหายแล้วกว่า 88 ล้านบาท ” นางอรปรียา กล่าว

ไม่ต่างจากนางวันเพ็ญ ชาวบ้าน ต.นาเสียว อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กล่าวด้วยน้ำตาว่า ครอบครัว 5 คน ลงทุนไปกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเงินทั้งหมดเป็นเงินเก็บจากการขายพืชผลทางการเกษตร ขายวัว ทำงาน ที่รวบรวมมาไว้ หลังแน่ใจว่าถูกหลอก สังคมบอกว่าเราเห็นแก่เงิน อยากได้เงินจนต้องถูกหลอก จึงขอชี้แจงว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คนในชนบทต่างถูกเลิกจ้างงาน พืชผลทางการเกษตรขายไม่ได้ เราไม่มีรายได้ในการดูแลครอบครัวเลย 

เมื่อมีช่องทางหาเงิน จึงทำให้ตัดสินใจลงทุน โดยไม่รู้ว่าจะโดนหลอก ในหนึ่งอาทิตย์ เรามีรายได้จากการปันผล 300 บาท ก็นำมาใช้จ่ายในครอบครัว ได้ซื้อกับข้าว จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ จิปาถะ เราไม่ต้องการทำให้บริษัทเสียหาย หรือฟ้องร้องใคร แต่ที่เดินทางมาวันนี้ เพียงต้องการขอเงินที่ลงทุนคืนมาเท่านั้น

จากการสอบถามแหล่งข่าว ทราบว่า บริษัทแห่งนี้ เปิดสำนักงานหลายแห่ง ทั้งที่ กรุงเทพมหานคร ชัยภูมิ เชียงใหม่ และขอนแก่น เบื้องต้น บริษัทที่ จ.ชัยภูมิ ได้ปิดทำการแล้ว ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น พบว่า บริษัทยังเปิดดำเนินการอยู่