“บิ๊กโจ๊ก” ปิดคดีทิ้งศพแรงงานพม่า-ส่งอัยการจังหวัด

“บิ๊กโจ๊ก” ปิดคดีทิ้งศพแรงงานพม่า-ส่งอัยการจังหวัด

“บิ๊กโจ๊ก” นำทีมปิดคดีจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ทิ้งศพแรงงานต่างด้าว 3 ราย ส่งสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการจังหวัดกำแพงเพชร

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุมมณีกูล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และหัวชุดสืบสวนสอบสวนตามคำสั่ง ภ.จว.กำแพงเพชร ปิดคดีจับกุมขบวนการนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ส่งสำนวนคดีพร้อมผู้ต้องหาให้อัยการจังหวัดกำแพงเพชร 

 

จากการสืบสวนสอบสวนของ สภ.เมืองกำแพงเพชร ผู้ต้องหาที่ 1 อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน บน 6487 ตาก คันเกิดเหตุ ขนแรงงานต่างด้าวแล้วพลิกคว่ำ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 3 ศพ ผู้ต้องหาที่ 2 อายุ 31 ปี เป็นผู้รับโอนเงินจากขบวนการขนแรงงานต่างด้าว  ผู้ต้องหาที่ 3 อายุ 23 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ไม่มีคอก ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน บน 6055 ตาก เป็นรถนำรถขนต่างด้าวและศพ ผู้ต้องหาที่ 4 อายุ 20 ปี ผู้ว่าจ้างติดต่อขนแรงงานต่างด้าวฝั่งไทย  ผู้ต้องหาที่ 5 อายุ 21 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บธ-7293 ตาก ร่วมขบวนการขนแรงงานต่างด้าว

 

 ผู้ต้องหาที่ 6 อายุ 34 ปี ผู้ขับรถยนต์กระบะมีคอก ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บธ-7293 กำแพงเพชร ร่วมขบวนการขนแรงงานต่างด้าวและคนเจ็บ  ผู้ต้องหาที่ 7 อายุ 29 ปี ขับขี่รถกระบะมีคอก ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน บห 9150 เพชรบูรณ์ ขนศพและผู้บาดเจ็บจากที่เกิดเหตุบริเวณถนนบ้านผาผึ้ง-นาโบสถ์ จว.ตาก ไปทิ้งที่ หมู่ 12 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร 

ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาฐานความผิด  ผู้ต้องหาที่ 1,3,5,6,7 ร่วมกันนำหรือพาต่างด้าวคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดย และร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม และร่วมกันกระทำการใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดี     ผู้ต้องหาที่ 1 รับสารภาพ ข้อหาร่วมกันนำพาและช่วยเหลือคนต่างด้างด้าว ปฏิเสธข้อหาร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ  ผู้ต้องหาที่ 2,4 ร่วมกันนำหรือพาต่างด้าวคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดย และร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ผู้ต้องหาที่ 2,4 ให้การปฏิเสธ

จากพฤติการณ์ในการกระทำความผิด เมื่อระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 เวลากลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องกัน นายอุทัย แซ่ม้า ผู้ต้องหาร่วมกับพวก ได้กระทำการเป็นขบวนการ ร่วมกันลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จากฝั่งประเทศเมียนมา ข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ เข้ามาในประเทศไทย บริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยมีกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด อยู่ที่ประเทศเมียนมาเป็นนายหน้าติดต่อจัดหาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่ต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยเรียกค่าใช้จ่ายคนละ 20,000-30,000 บาท โดยการเข้ามานั้นไม่ได้เข้ามาโดยชอบด้วยกฎหมายแต่รับรองว่าจะสามารถเข้าไปทำงานในประเทศไทยได้โดยไม่ถูกจับกุม หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้รวบรวมบุคคลต่างด้าวที่สมัครใจและเสียค่าใช้จ่ายให้กับกลุ่มผู้ต้องหาแล้ว

ในครั้งนี้มีแรงงานต่างด้าวทั้งหมดจำนวน 65 คน กลุ่มผู้ต้องหาได้พาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทย ทางช่องทางธรรมชาติบริเวณอำเภอพบพระ และอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เมื่อเข้ามาในประเทศไทยแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้พาเดินทางลัดเลาะมาตามป่าเขา จากนั้นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน บน-6487 ตาก และรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บท-7293 กำแพงเพชร มาขนแรงงานด่างด้าวไปส่งที่บ้านวังหิน ตำบลวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก ขณะที่รถยนต์วิ่งมาตามถนนสายบ้านผาผึ้งถึงบริเวณทางโค้งบนเขาบ้านผาผึ้ง รถยนต์คันที่นายอุทัย ขับมา เกิดอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้แรงงานชาวเมียนมาได้รับบาดเจ็บ จำนวน 7 คน และเสียชีวิต 3 ศพ

จากนั้นผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ ได้ร่วมกันนำศพ 3 ศพ ผู้บาดเจ็บ และต่างด้าวรวม 20 คน มาทิ้งไว้ที่สวนยาง หมู่บ้านหนองนกกระทา ตำบลนาบ่อคำ อำเภอ เมือง จังหวัดกำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี จึงเดินทางไปตรวจสอบและจับกุมแรงงานต่างด้าว 20 คน ส่วนอีก 43 คน หลบหนีไปได้

 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ รวม 5 คน ต่อมาได้มีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และ ได้เรียกผู้ต้องหามาพบและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทราบอีก 2 คน รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ ขณะนี้ทั้งหมด จำนวน 7 คน และแรงงานต่างด้าวที่มากับรถที่เกิดเหตุ รวม 20 คน ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในครั้งนี้ ได้ดำเนินคดีตามฐานความผิดข้างต้นทั้งหมด

ทั้งนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งมอบต่อพนักงานอัยการจังหวัดฯเพื่อส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชรต่อไปแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 มีความห่วงใยผู้ประกอบการที่จะรับแรงงานต่างด้าวเข้าไปทำงานโดยไม่ผ่านขั้นตอนและวิธีการตามกฎหมาย อาจถูกดำเนินคดีได้ ประกอบกับในปัจจุบันมีสถานการณ์แพร่ระบาด ของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ อาจทำให้เกิดมีการแพร่ระบาดหรือมีคลัสเตอร์ในสถานประกอบการได้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ 055-368114 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 

ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ทำความจริงให้ปรากฏเกิดความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน ในส่วนของความเชื่อมโยงทางโทรศัพท์จะสืบหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป