“ธนพร” บุก "ทำเนียบฯ" ร้อง "นายกฯ" เกณฑ์ประเมิน "เลขาฯสกสค." ส่อไม่เป็นธรรม

“ธนพร” บุก "ทำเนียบฯ" ร้อง "นายกฯ" เกณฑ์ประเมิน "เลขาฯสกสค." ส่อไม่เป็นธรรม

“ธนพร” ยื่นหนังสือ ถึง "นายกฯ" ขอความเป็นธรรม หลัง ค้านเกณฑ์ประเมินผลงาน "เลขาฯสกสค." หลายครั้ง ห่วงธรรมาภิบาล "ศธ." พัง สับมติบอร์ด พิรุธบ่อย ลั่น ไม่ขอร่วมสังฆกรรม แม้เล่มผลงานเสร็จเรียบร้อย มั่นใจผลงานฉลุย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)​ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีคัดค้านเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค. ที่ส่อไม่เป็นธรรม

นายธนพร เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เนื่องจากได้เคยร้องคัดค้านถึงความไม่เป็นธรรมของเกณฑ์ประเมินต่อคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (บอร์ด สกสค.) ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงจำเป็นต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายกฯ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบหลักการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลที่นายกฯให้ความสำคัญ โดยเฉพาะกับหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ต้องดูแลเด็ก และเยาวชนที่เป็นอนาคตของประเทศ

“ที่ผ่านมา บอร์ด สกสค.มีมติ​ที่ส่อถึงความผิดปกติหลายครั้ง โดยเปลี่ยนแปลงมติกลับไปกลับมาว่า จะใช้เกณฑ์แบบใดในการประเมิน ก่อนที่จะมีมติให้เกณฑ์การประเมินล่าสุดเป็นที่ยุติ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ถูกประเมินได้มีโอกาสคัดค้านหากเกณฑ์ประเมินยังคงไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และไม่เคยมีปรากฏมาก่อนในระบบราชการ ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผม ที่มีสิทธิ์จะไม่ยอมรับกระบวนการที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว ผมจึงจำเป็นต้องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้” นายธนพร ระบุ

นายธนพร เปิดเผยด้วยว่า เกณฑ์การประเมินการทำงานของเลขาธิการ สกสค.ที่บอร์ดสกสค.ถือเป็นข้อยุติ และห้ามคัดค้าน เป็นเกณฑ์ที่ไม่สามารถผ่านการประเมินได้ ​ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำการประเมิน เพราะแม้ทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการสกสค. ซึ่งได้อนุมัติ​จากบอร์ด สกสค.แล้ว จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 ซึ่งถ้าจะผ่านการประเมินกลับต้องได้คะแนนรวมถึงร้อยละ 65 ขึ้นไป รวมทั้งเกณฑ์​ประเมินก็ถูกกำหนดขึ้นหลังที่ได้ปฏิบัติ​งานเสร็จภารกิจตามระยะเวลาของการประเมินไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถย้อนกลับมาทำตามเกณฑ์​ใหม่ได้ ตลอดจนมีการนำหัวข้อด้านสมรรถนะผู้บริหาร ที่ใช้ดุลยพินิจของบุคคลคือกรรมการประเมินในการให้คะแนนโดยปราศจากตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ และไม่ได้กำหนดไว้ในสัญญาจ้างและแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.มาใช้เป็นตัวชี้วัดในการประเมินอีกด้วย

“เมื่อเกณฑ์ประเมินยังเป็นไปในลักษณะไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ผมย่อมไม่สามารถร่วมสังฆกรรมได้และขอยืนยันว่า จะไม่เข้ารับการประเมิน ทั้งที่ความเป็นจริงได้จัดทำเล่มผลงานของเลขาธิการสกสค.ไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยากที่จะเข้าสู่กระบวนการประเมิน เพราะมั่นใจในผลงานกว่า1 ปีที่ผ่านมาในฐานะเลขาธิการ สกสค.ว่า ได้ทำงานตามแผนงาน และยุทธศาสตร์ รวมทั้งนโยบายโปร่งใส ทันสมัย ใส่ใจบริการ ที่วางไว้” นายธนพร ระบุ