"สุวัจน์” ยังไม่ตัดสินใจ ลงเลือกตั้ง พร้อมมั่นใจกระแส "ชพน." ยังขายได้

ชาติพัฒนา ตั้งเป้า ได้ส.ส.เลข2 หลัก "สุวัจน์" สั่งเตรียมการให้พร้อมลงสนามเลือกตั้ง ยังไม่ตอบหวนคืนสนามการเมืองหรือไม่ เมินกระแสคนรุ่นใหม่หนุนพรรค บอกยังมีกองหนุนเป็นคนรุ่นเก่า

           นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่าในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง ตนยังไม่ตัดสินใจว่าจะหวนคืนลงสู่สนามการเลือกตั้งในฐานะผู้สมัคร ส.ส. หรือไม่ เพราะต้องพิจารณาสถานการณ์บ้านเมืองอีกครั้ง อย่างไรก็ดีตนพร้อมทำงานการเมืองแม้ไม่มีตำแหน่ง และพร้อมช่วยเหลือประเทศชาติ ส่วนการตัดสินใจใดๆ จะว่าตามสถานการณ์อีกครั้ง รวมถึงประเด็นการตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

 

          นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่าพรรคชาติพัฒนามีความพร้อมที่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้ง โดยตั้งเป้าว่าจะทำให้พรรคได้ส.ส.​ในจำนวนตัวเลข 2 หลัก และในพื้นที่เลือกตั้งจ.นครราชสีมา พร้อมสู้เต็มที่เพื่อให้ได้ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิม

 

          นายสุวัจน์ กล่าวมั่นใจว่ากระแสของพรรคยังจะได้รับการตอบรับจากประชาชน เพราะเป็นพรรคที่มีประสบการณ์และมีผลงานทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนที่หลายฝ่ายประเมินว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้ากระแสคนรุ่นใหม่จะเป็นตัวชี้ขาดผู้ชนะเลือกตั้งนั้น ตนมองว่าแม้จะมีคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้นแต่อย่าลืมว่าในสังคมอนาคตมีผู้สูงอายุมากขึ้นเช่นกัน

          “ผมไม่ทราบว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไร แต่มีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าการเมืองมีอะไรที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พรรคต้องเตรียมความพร้อม ไม่ประมาท เบื้องต้นต้องรักษาฐานเสียงพื้นที่จ.นครราชสีมา ฐานะบ้านเกิดเมืองนอนของพรรคไว้ให้ได้ และเอาชัยชนะคืนมาให้ได้ ขณะนี้ได้คิดนโยบายไว้เบื้องต้นแล้ว โดยเฉพาะการฟื้นฟูประเทศและเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ที่เชื่อว่าจะคลี่คลาย” นายสุวัจน์ กล่าว

 

          เมื่อถามถึงการประเมินต่อกติกาเลือกตั้งที่ปรับเปลี่ยนล่าสุด   ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า  พรรคมีความพร้อมไม่ว่าเป้นการเลือกตั้งแบบไหน ซึ่งการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพื่อเลือก ผู้สมัครส.ส.แบบเขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะกลายเป็นคะแนนของพรรค ถือว่ามีความสำคัญ โดยพรรคต้องเลือกคนที่ดีที่สุดลงสมัครแบบเขต และใช้นโยบายที่ดีเพื่อดึงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งตนมองว่านโยบาคือสิ่งสำคัญที่จะทำให้พรรคการเมืองประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง รวมถึงการเสนอชื่อบุคคลให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี.