CPTPP ถ้าไทยเข้าร่วม ได้หรือเสียมากกว่ากัน

CPTPP ถ้าไทยเข้าร่วม ได้หรือเสียมากกว่ากัน

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ชวนมองมุมใหม่ประเด็น CPTPP (ข้อตกลงทางการค้าความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) อยากให้รัฐพิจารณาผลได้และผลเสียในการเข้าร่วมอีกครั้ง

“การเข้าร่วม CPTPP (ข้อตกลงทางการค้าความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) ผู้บริโภคอาจจะได้ประโยชน์จากสินค้าและบริการที่อยู่ในข้อตกลง CPTPP ในราคาที่ถูกลง

อาทิ เราอาจจะได้เนื้อหมูหรือเครื่องในหมูที่ต่างประเทศไม่กินแล้วในราคาถูกลง แต่ผู้บริโภคคงจะไม่มองอะไรสั้นๆ เฉพาะของที่ถูกลงเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเราได้กินของถูก แต่กลับมีผลกระทบด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย”

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ตั้งคำถามในเวที "ชวนมองมุมใหม่ หากไทยเข้าร่วม CPTPP ได้หรือเสียมากกว่ากัน"

ในงานนี้มีนักวิชาการหลายสาขาร่วมแสดงความเห็น อาทิ กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธานกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ดร.สมนึก จงมีวศิน นักวิชาการจากกลุ่มศึกษาการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC Watch)  วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี ฯลฯ ต่างไม่เห็นด้วยที่ไทยจะเข้าร่วม CPTPP เพราะได้ไม่คุ้มเสีย

เจาะลึกผลเสีย CPTPP

หากไทยตัดสินใจเข้าร่วมขบวน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคในหลายๆ ด้าน ที่วันนี้อาจคาดไม่ถึง หากไม่พิจารณาเชิงลึกแบบองค์รวม หลังเริ่มมีกระแสต่อต้านในหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น

สารี บอกว่า การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 เพื่อให้เป็นตัวแทนของผู้บริโภคตามกฎหมาย ได้ทำข้อเสนอไปถึงนายกรัฐมนตรีในแบบที่เป็นกลางที่สุดก็คือ หากประเทศไทยได้ประโยชน์จากการเข้าร่วม CPTPP มากกว่าก็ขอให้เดินหน้า แต่ถ้าประเทศได้ประโยชน์น้อยกว่าเราก็ขอให้ไม่เข้าร่วม

“แม้เราจะได้กินของถูก แต่มีผลกระทบ ท้ายที่สุดแล้วผู้บริโภคก็ไม่ได้ประโยชน์อยู่ดี อย่างเช่น เรื่องเมล็ดพันธุ์ที่เอาไปใช้ต่อไม่ได้ ก็จะส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหารของไทย ส่งผลต่อความหลากหลาย ส่งผลต่อรสชาติความอร่อย

สิ่งเหล่านี้ก็มีความสำคัญต่อผู้บริโภคเช่นกันไม่ใช่แค่เรื่องของราคาถูกเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจในเรื่องอื่นๆ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะกลับมาในเรื่องของทางเลือก ความมั่นคง ความปลอดภัยของผู้บริโภคอยู่ดี”

ปัญหา CPTPP

สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สารี มองว่า เหมือนกับโฆษณาที่ยังไม่ตรงปก มีการบอกว่าการเข้าร่วม CPTPP จะได้ประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน และผู้บริโภคจะได้ใช้ของที่ถูกลง แต่จริงๆ ก็มีอีกฝั่งที่บอกว่า ผลเสียมีเยอะกว่ามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในเรื่องของเมล็ดพันธุ์ เรื่องการเข้าถึงยารักษาโรค เรื่องค่ารักษาพยาบาล เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์มือสอง รวมถึงสินค้าออนไลน์ซึ่งขณะนี้ ผู้บริโภคถูกโกงจากการซื้อสินค้าออนไลน์มีสัดส่วนถึง 50%  แต่การเข้าร่วม CPTPP สินค้าออนไลน์จะไม่ต้องจดทะเบียนยิ่งจะเพิ่มความรุนแรงของปัญหามากยิ่งขึ้น

“สอบ.ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปว่า ขอให้รัฐบาลทำการศึกษาวิจัยเปรียบเทียบให้ชัดเจนก่อนว่าได้กับเสียอะไรมากกว่ากัน

ซึ่งทางเรากับภาคอุตสาหกรรมในคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ต่างเห็นตรงกันว่า รัฐบาลควรจะทำให้ประชาชนเข้าใจอย่างชัดเจนในเรื่องนี้ ประเด็นที่สำคัญคือถ้าเสียมากกว่าได้ก็ควรจะชะลอไว้ก่อนไม่ต้องเร่งรีบที่จะเข้าร่วม”

เหล่านี้คือข้อเสนอทางฝั่งของผู้บริโภคที่ชัดเจนว่า อยากเห็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ไม่มีข้อโต้แย้งจากฝ่ายต่างๆ ว่าการเข้าร่วมจะได้มากกว่าเสียจริงๆ แต่ในขณะนี้ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ในหลายเรื่องที่เห็นว่าเราจะเสียมากกว่าได้

สารี กล่าวต่อว่า รัฐบาลอาจจะมีข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง ขณะที่ภาคประชาสังคมเองก็อาจจะมีข้อมูลอยู่อีกชุดหนึ่ง ก็น่าจะหาคนที่เป็นกลางเข้ามาดูว่า การลงทุน การค้าจะดีขึ้นจริงหรือไม่  ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไร

“ผู้บริโภคที่มักจะถูกอ้างว่าจะได้ของถูกแล้ว มันจริงอย่างนั้นหรือไม่ เราอาจต้องจ่ายหลายอย่างที่แพงขึ้นจะคุ้มหรือไม่

ฟากผู้บริโภคอยากเห็นข้อเท็จจริง ข้อมูลที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ และน่าจะเป็นจุดยืนของผู้บริโภคสำหรับการทำข้อตกลงในลักษณะนี้ต่อไปในอนาคต”