“บี๊กโจ๊ก”เชือดขบวนการขนต่างด้าวเสียชีวิต 

“บี๊กโจ๊ก”เชือดขบวนการขนต่างด้าวเสียชีวิต 

“บิ๊กโจ๊ก” แถลงข่าว จับกุม 6 ผู้ต้องหาขบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าไทย ประสบอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จำนวน 3 ราย พบมีพฤติกรรมขนแรงงานเถื่อนเข้าจังหวัดชั้นในของไทย

เมื่อเช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย แถลงข่าวจากกรณีกลุ่มบุคคลต่างด้าว จำนวน 23 ราย ถูกทิ้งไว้ที่บริเวณหมู่บ้านหนองนกกระทา ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยมีผู้บาดเจ็บจำนวน 4 ราย และเสียชีวิต จำนวน 3 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบพฤติการณ์ดังกล่าวเพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ตามที่ทราบแล้วนั้น

 

“บี๊กโจ๊ก”เชือดขบวนการขนต่างด้าวเสียชีวิต 

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามขบวนการลักลอบขนบุคคลต่างด้าวเข้ามาในไทย พร้อมทั้งขยายผลถึงเครือข่ายผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการตัดวงจรการกระทำผิดของกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ที่ได้อาศัยช่องทางธรรมชาติตามชายแดนของไทย ลักลอบนำบุคคลต่างด้าวข้ามชายแดนไทย เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม หาประโยชน์โดยมิชอบจากกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่ต้องการเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ และยังส่งผลกระทบต่อมาตรการความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปในสังคมในวงกว้าง

 

“บี๊กโจ๊ก”เชือดขบวนการขนต่างด้าวเสียชีวิต 

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. เป็นหัวหน้าชุดในการดำเนินการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าว โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกุล ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร และ พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในครั้งนี้ จนสามารถออกหมายจับผู้กระทำผิดที่ร่วมกันลักลอบขนบุคคลต่างด้าวได้จำนวน 5 ราย และสามารถจับกุมได้แล้ว ทั้ง 5 ราย

 

 ประกอบด้วย นายอุทัย แซ่ม้า อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 273 ม.8 ต.โป่งน้ำร้อน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชรที่ จ.243/64 ลงวันที่ 8 พ.ย.64 ทำหน้าที่ขับรถขนบุคคลต่างด้าว และเป็นผู้ขับขี่รถกระบะที่เกิดอุบัติเหตุ นายจิรวิทย์ แซ่ม้า อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 62 ม.26 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชรที่ จ.286/64 ลงวันที่ 20 ธ.ค.64 ทำหน้าที่จัดหาแรงงานจากฝั่งประเทศเมียนมา และขับรถนำทาง นายเลา แซ่จ้าง อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 28 ม.8 ต.โป่งน้ำร้อน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชรที่ จ.287/64 ลงวันที่ 20 ธ.ค.64 ทำหน้าที่ขับรถขนบุคคลต่างด้าว นายสุชัจจ์ จังพินิจกุล อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 7 ม.8 ต.โป่งน้ำร้อน อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชรที่ จ.288/64 ลงวันที่ 20 ธ.ค.64 ทำหน้าที่ขับรถขนบุคคลต่างด้าว นายไชยา วัชรวนา อายุ 20 ปี บ้านเลขที่ 56/2 ม.5 ต.ท้องฟ้า อ.บ้านตาก จ.ตาก เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลกำแพงเพชรที่ จ.289/64 ลงวันที่ 20 ธ.ค.64 ทำหน้าที่คอยรับแรงงานที่จุดพักคอย เพื่อส่งต่อเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในต่อไป

             นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมได้อีก 1 ราย คือนายทราย เวียนตู อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 50/6 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ต.ไร่ขิง ต.สามพราน จ.นครปฐม ทำหน้าที่เป็นลูกน้องให้กับนายจิรวิทย์ฯ ซึ่งเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา

 

สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้กระทำผิดรายนี้ จะมีนายจิรวิทย์ และนายทราย เป็นผู้คอยประสานงานกับชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อที่ฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อคอยรอรับขนแรงงานต่างชาติขึ้นรถกระบะที่จัดเตรียมไว้ โดยมีนายอุทัย นายสุชัจจ์ และนายเลา เป็นคนขับรถขนแรงงานไปส่งยังจุดพักคอยต่อไปที่บริเวณจ.ตาก เพื่อส่งต่อให้กับนายไชยาฯ ซึ่งจะเป็นผู้ทำหน้าที่ประสานชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อ ซึ่งแฝงตัวอยู่ในไทย มารับกลุ่มแรงงานต่างด้าวเหล่านี้เพื่อไปส่งต่อในพื้นที่ชั้นใน หรือเดินทางไปยังประเทศที่สามต่อไป

 

โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งฟ้องในข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร และร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.นี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป