"ซีอีโอตั้ม" พร้อมสู้สนาม "ส.ก." เขตสัมพันธวงศ์ ในนาม"พปชร."

"ซีอีโอตั้ม" พร้อมสู้สนาม "ส.ก." เขตสัมพันธวงศ์ ในนาม"พปชร."

"พีระโรจน์" เผย พร้อมลงชิงชัยสนาม "ส.ก.สัมพันธวงศ์" ในนาม "พปชร." หลัง ลุยงานร่วม "กานต์กนิษฐ์" ลั่น ตั้งใจทำงานให้ปชช.

นายพีระโรจน์ ชัยรัตน์ นักธุรกิจย่านถนนข้าวสาร  กทม. หรือ  ซีอีโอตั้ม เปิดเผยว่า เตรียมที่จะลงสมัคร ส.ก.เขตสัมพันธวงศ์ หรือ เขตเยาวราช ในนามพรรคพลังประชารัฐ หลังสัมผัสงานการเมืองสนาม กทม. ร่วมกับ นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ มาช่วงระยะหนึ่ง ทำให้เห็นความยากลำบากในการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่สัมพันธวงศ์และใกล้เคียง ในช่วงวิกฤติโควิด 19 จึงต้องการที่จะช่วยเหลือประชาชน และพัฒนาให้เขตเจริญงอกงามเป็นศูนย์กลางแห่ง กทม.  

“ตนเองเป็นคนที่เข้าใจพื้นที่ และส.ส.กานต์กนิษฐ์  ได้ดึงเข้ามาร่วมงานด้วย  เนื่องจากตนเองเป็นนักธุรกิจย่านถนนข้าวสาร เกิดและโตในเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ครอบครัวเป็นคนเชื้อสายจีน ประกอบธุรกิจ SME ในย่านถนน ข้าวสาร ตั้งแต่เรียนจบมาจนกลายเป็น ซีอีโอเครือโรงแรม KPL Corporation สู่องค์กรหลายพันล้านในช่วงเวลาแค่ 16 ปีที่ปั้นธุรกิจมาทั้งในและนอกประเทศ กว่าจะถึงจุดนี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างหนักหน่วง จนเป็นประธานเจ้าหน้าบริหารเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ ชั้นใน แต่ครั้งนี้มีความสนใจลง สมัคร ส.ก. เพราะมีความตั้งใจจะเข้ามาทำงานให้กับประชาชน “นายพีระโรจน์  กล่าว 

นายพีระโรจน์ กล่าวว่า ได้เข้ามาช่วยดูแลประชาชนในเขตสัมพันธวงศ์มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วในฐานะผู้ช่วยนางสาวกานต์กนิษฐ์ ประจวบเหมาะในช่วงโควิดตนเองได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนครอบครัวที่ขาดแคลนอาหาร ผู้ป่วยติดเตียง รวมไปถึง เด็กและคนชรา มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ถุงยังชีพ หน้ากากอนามัน เจลแอลกอฮอล์ และโครงการเปิด Hospitel รับผู้ป่วยโควิดกว่าพันคนในช่วงที่โควิดระบาดหนักควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ทั้งติดตั้งไฟโซล่าเซล กล้องวงจรปิด เพื่อความปลอดภัย 

“หลังจากทำธุรกิจมานานจากความฝันที่จะปั้นธุรกิจเล็กๆ จนเป็นองค์กรพันล้านได้ ตนเองตั้งใจเดินตามความฝันครั้งใหม่ อาสาเข้ามาช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาชุมชน ที่ตนเองอาศัยอยู่โดยไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งแม้การลงสมัคร ส.ก.ในครั้งนี้จะเป็นงานที่หนัก เพราะต้องเจอกับคู่แข่งซึ่งเป็นแชมป์เก่าหลายสมัย ตนเองตั้งใจที่จะสู้ให้เต็มที่จนกว่าจะถึงวันนั้น ที่จะได้เห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงและจะทำให้สำเร็จ จึงจะวางมือทางการเมือง” นายพีระโรจน์ กล่าว