อดีตขุนคลัง แนะเตรียมวัคซีน สู้โอมิครอน

อดีตขุนคลัง แนะเตรียมวัคซีน สู้โอมิครอน

"อุตตม" อดีตขุนคลัง แนะเตรียมวัคซีน สู้โอมิครอน

นายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง (รมว.คลัง) โพสต์เฟซบุ๊คเช้านี้ระบุว่า ใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว หลายท่านคงเตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนา พบปะครอบครัว ร่วมกันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข แต่เผอิญก็มีเรื่องการแพร่กระจายของโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่ชื่อว่า โอมิครอน ในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้พวกเราต่างก็มีความเป็นห่วงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

ส่วนตัวผมคิดว่า ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงวันนี้  เราได้ผ่านสถานการณ์โควิด และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การบริหารจัดการการระบาดของโควิด มาพอสมควร วันนี้เมื่อมีโควิดพันธุ์ใหม่ โควิดโอมิครอน เกิดขึ้นมา ผมจึงเชื่อว่าทั้งฝ่ายรัฐและประชาชน ก็สามารถใช้บทเรียนที่ผ่านมา เตรียมการรับมือกับโอมิครอน 

ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้ ว่าการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอโดยเร็ว รวมถึงการเร่งดำเนินการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง และเป็นมาตรการที่ดีที่สุดประการหนึ่ง ในการหยุดยั้งการแพร่ระบาด

ในสถานการณ์ปัจจุบันก็เช่นกัน แม้คนไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นจำนวนมากพอสมควรแล้วก็ตาม แต่ก็มีผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้คนไทย เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็วต่อไป 

เนื่องจากโอมิครอน เป็นสายพันธ์ใหม่ บริษัทผู้ผลิตวัคซีนก็เริ่มพัฒนาวัคซีน ที่สามารถสร้างภูมิต้านทาน โอมิครอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่เรียกว่า วัคซีนเจนเนอเรชั่น 3 

อดีตขุนคลัง แนะเตรียมวัคซีน สู้โอมิครอน

 

ผมคิดว่า จากประสบการณ์ที่เราผ่านมาแล้วในรอบแรกๆ ของโควิด จึงเป็นสิ่งที่ดีที่หากเราคิดเตรียมการล่วงหน้า เรื่องการจัดหาวัคซีนที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ ซึ่งควรจะเริ่มดำเนินการเสียแต่เนิ่นๆ เพราะในกรณีที่เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วไม่ได้เตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้าให้พียงพอ การบริหารจัดการก็อาจไม่ทันสถานการณ์  และวันนี้ก็มีข่าวว่า หลายประเทศเริ่มเตรียมจัดหาวัคซีน ที่จะสู้กับสายพันธุ์โอมิครอน กันแล้ว  

อย่างไรก็ตาม ผมยังมั่นใจว่า หากคนไทยร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันดูแลตัวเอง ครอบครัวคนใกล้ชิด และสังคมส่วนรวม  เราจะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้ และปีหน้าฟ้าใหม่ เราก็จะได้ร่วมกันแสวงหาโอกาสใหม่ๆ สร้างความหวัง สร้างอนาคตประเทศไทย บนเส้นทางที่สดใสกว่าปีนี้