สหภาพรถไฟ เบรกแผนย้ายฮับรถไฟทางไกลบริการสถานีกลางบางซื่อ

สหภาพรถไฟ เบรกแผนย้ายฮับรถไฟทางไกลบริการสถานีกลางบางซื่อ

สหภาพรถไฟ ยื่นหนังสือด่วนถึงประธานบอร์ด – ผู้ว่าการรถไฟเบรกแผนย้ายรถไฟทางไกลบริการสถานีกลางบางซื่อ วันที่ 23 ธันวาคม นี้ ชี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมายแรงงาน หากดำเนินการโดยไม่รับฟังความคิดเห็น

นายสราวุธ สราญวงศ์ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (16 ธ.ค.64) สร.รฟท.ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) และนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่องขอให้พิจารณาทบทวนชะลอแผนงานการเปิดให้บริการรถไฟทางไกล (LD) ไปที่สถานีกลางบางซื่อออกไปก่อนจนกว่าจะมีความพร้อม

โดยสาเหตุของการทำหนังสือดังกล่าว สืบเนื่องจากตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาเดินรถ และปรับเปลี่ยนสถานีต้นทาง – ปลายทาง ขบวนรถโดยสารในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ เพื่อให้บริการในการเปิดให้ขบวนรถไฟโดยสารทางไกล (LD) ขึ้นให้บริการที่สถานีกลางบางซื่อ ในโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2564 เป็นต้นไปนั้น

จากการที่กระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้การรถไฟ จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกภาคส่วน รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย และประชาชน และชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 58 จากนโยบายการให้บริการในการเปิดให้ขบวนรถไฟโดยสารทางไกล(ทั้งขบวนรถเชิงพาณิชย์ และขบวนรถเชิงสังคม) ย้ายจากสถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง) มาให้บริการที่สถานีกลางบางซื่อ และกรณีที่กำหนดให้ขบวนรถไฟทางไกล (เชิงสังคม) รถไฟชานเมืองจำนวน 14 ขบวน มีต้นทาง – ปลายทาง ที่สถานีรถไฟดอนเมือง

ซึ่งการดำเนินการต่างๆ จะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากที่ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนทั้งหมด เกิดความสับสนต่อการใช้บริการเดินทาง จะมีผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรในการให้บริการกับประชาชน และผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงาน ในการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสภาพการจ้าง การทำงาน ตามที่การรถไฟ ได้ตกลงกับสหภาพฯ ไว้มีสภาพบังคับตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 ซึ่งหากจะเปลี่ยนแปลงต้องตกลงกับสหภาพก่อน แต่การกระทำที่กล่าวมายังไม่เกิดขึ้น หากมีการดำเนินการในวันที่ 23 ธ.ค.2564 จะเกิดปัญหาต่างๆ อย่างมากมาย และเชื่อว่าการรถไฟ จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดีซึ่งมีข้อมูลข้อเท็จจริงหลายประการที่พบว่าการรถไฟ ยังไม่มีความพร้อมในการดำเนินการ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1.การดำเนินการเปลี่ยนแปลงสถานีต้นทาง - ปลายทาง ในการให้บริการรถไฟจากสถานีกรุงเทพ   (หัวลำโพง) ไปที่สถานีกลางบางซื่อ จะมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 58 ต้องมีการดำเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนหรือชุมชน และรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการ

โดยที่ผ่านมาการรถไฟ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายการดำเนินการขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ โดยเฉพาะการที่กำหนดให้ขบวนรถไฟทางไกลเชิงสังคม รถไฟชานเมืองจำนวน 14 ขบวน มีต้นทาง – ปลายทาง ที่สถานีรถไฟดอนเมือง ซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เหมือนเป็นการบีบบังคับให้ประชาชนที่เคยเดินทางต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงที่มีราคาบริการแพงกว่า

 

2.ในการเปลี่ยนแปลงให้ขบวนรถไฟโดยสารทางไกล (ทั้งขบวนรถเชิงพาณิชย์ และขบวนรถเชิงสังคม) ย้ายต้นทางมาที่สถานีกลางบางซื่อ และเดินรถในเส้นทางของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) นั้นขบวนรถในเส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากยังไม่ทราบว่า ขบวนรถไม่สามารถหยุดรับ – ส่ง ผู้โดยสารในสถานีรายทางของสายสีแดงได้ เนื่องจากระบบไม่ได้รองรับให้รถไฟจอดหยุดรับ - ส่ง ที่สถานีดังกล่าว ซึ่งแตกต่างกับเส้นทางเดิมที่สามารถหยุดรับ – ส่งผู้โดยสารได้ที่สถานีบางเขน และสถานีหลักสี่ ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการเป็นจำนวนมากในการเดินทางกลับภูมิลำเนา หากการรถไฟฯ ดำเนินการตามแผนงานดังกล่าวแล้ว จะมีผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก เนื่องจากการไม่ทราบข้อมูลและทำให้ไม่สามารถใช้บริการรถไฟได้

3.ในการกำหนดการเปลี่ยนแปลงให้ขบวนรถไฟโดยสารทางไกล(ทั้งขบวนรถเชิงพาณิชย์ และขบวนรถเชิงสังคม) ย้ายต้นทางมาที่สถานีกลางบางซื่อ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงสภาพการจ้างของผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.) ในการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานของผู้ปฏิบัติงานซึ่งเป็นสภาพการจ้าง เบื้องต้นทราบว่าสถานที่ทำงาน และพื้นที่ในการเตรียมความพร้อมในการตั้งริ้วขบวนรถ พื้นที่การเตรียมการดูแลซ่อมบำรุงขบวนรถยังไม่มีความพร้อมสมบูรณ์ และที่สำคัญยังไม่ได้มีการเจรจาตกลงกับสหภาพแรงงานฯ ซึ่งเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงสภาพการจ้าง ขัดกับพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 มาตรา 29

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 โดยมีวัตถุประสงค์เป็นไปตามมาตรา 40 (3) (4) “เพื่อคุ้มครองประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้างของลูกจ้าง และปกป้องรักษาผลประโยชน์ของการรถไฟ” เห็นว่าจากเหตุผลดังกล่าวทั้งหมดข้างต้น ในการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาเดินรถ และปรับเปลี่ยนย้ายสถานีต้นทาง – ปลายทาง ขบวนรถโดยสารทางไกลในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ เปลี่ยนการให้บริการรถไฟจากสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง) ไปที่สถานีกลางบางซื่อนั้น ยังไม่มีความพร้อมในด้านต่างๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบความเดือดร้อนอย่างมาก กับประชาชนผู้โดยสารเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบต่อความเสียหายและต่อภาพลักษณ์ในการให้บริการของการรถไฟ

ดังนั้น สร.รฟท.จึงขอเรียนมายังผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ทบทวนชะลอแผนงานการเปิดให้บริการรถไฟทางไกล(LD) จากสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)ไปที่สถานีกลางบางซื่อ ในวันที่ 23 ธ.ค.2564 ออกไปก่อนจนกว่าจะมีความพร้อม เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้บริการจำนวนมากได้รับผลกระทบความเดือดร้อนในการใช้บริการที่ไม่สะดวก และเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ในการให้บริการของการรถไฟ ต่อไป

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์