HUMAN ทุ่ม 2 พันล้านซื้อ ‘DataOn’ อินโดฯ

HUMAN ทุ่ม 2 พันล้านซื้อ ‘DataOn’ อินโดฯ

ฮิวแมนิก้า เข้าลงทุนกลุ่มบริษัท DataOn อินโดนีเซียมูลค่ากว่า 2 พันล้าน เสริมแกร่งธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร ตั้งเป้าเติบโต 20% ต่อปี

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฮิวแมนิก้า สุนทร เด่นธรรม ระบุ บริษัทเข้าลงทุน 100% ในกลุ่มบริษัท DataOn ผู้ให้บริการเทคโนโลยีการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (HR Tech) อันดับ 1 จากประเทศอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าในการลงทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่า 1,991.53 ล้านบาท

เพื่อควบรวมทั้งสองบริษัทที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปีในด้าน HR Tech ที่มีความโดดเด่น ทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นจุดแข็งในอนาคต โดยการควบรวมกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญให้บริษัทของสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีรายใหม่ในตลาดภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 2565

ความร่วมมือครั้งนี้ ถือเป็นการผสานศักยภาพความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญของ ฮิวแมนิก้า ความเป็นผู้นำด้านระบบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล และบริการรับทำเงินเดือนอย่างครบวงจร กับ DataOn ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในภูมิภาคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งการควบรวมกิจการในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันให้ดียิ่งขึ้น

โดยภายหลังจากการดำเนินธุรกรรมในครั้งนี้ จะทำให้กลุ่มบริษัท ฮิวแมนิก้าให้บริการลูกค้าได้กว่า 5,000 ราย ซึ่งคิดเป็นจำนวนพนักงานในระบบรวมกันมากกว่า 2 ล้านคน และครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากกว่า 20 ประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงสุดของโลก โดยผลจากการควบรวมในครั้งนี้จะทำให้ Humanica Group ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ทางด้าน HR โซลูชัน และ HR Tech ในภูมิภาค

ทั้งนี้ การทำรายการทั้งหมดจะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น และขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยคาดว่าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนมีนาคมปี 2565

โดยกลุ่มบริษัท DataOn คาดการณ์ว่าจะมียอดขายในปี 2564 ประมาณ 330 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 29% ในขณะที่ Humanica Group คาดการณ์ว่าจะมียอดขายในปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท และยังสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 24% 

ซึ่งศักยภาพของทั้งสองบริษัท จะทำให้ในปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตกำไรสุทธิได้ไม่ต่ำกว่า 25% และตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปี ข้างหน้าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี