"PM2.5" มาแล้ว "โฆษกรัฐบาล" เผย "กทม." แนวโน้มเกินค่ามาตรฐาน

"PM2.5" มาแล้ว "โฆษกรัฐบาล" เผย "กทม." แนวโน้มเกินค่ามาตรฐาน

"โฆษกรัฐบาล" เผย "ฝุ่นPM2.5" กลับมาเกินค่ามาตรฐาน กทม.-ปริมณฑล แนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุหลักจากยานพาหนะ โดยเฉพาะ รถเครื่องยนต์ดีเซล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาแล้ว

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่มาช่วงหน้าหนาวอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ซึ่งทำให้สภาพอากาศนิ่ง ส่งผลให้ฝุ่นละออง PM2.5 สะสมเกินค่ามาตรฐาน ในวันนี้ (2 ธันวาคม 2564) เว็บไซต์IQAIR ได้รายงานคุณภาพอากาศของประเทศไทย พบค่ามลพิษฝุ่น PM2.5 AQI เกิน 100 อยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ใน 10 สถานที่ ได้แก่ 1.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 162 AQI 2. บางคนที จ.สมุทรสงคราม 158 AQI 3. หนองบัวลำภู จ. หนองบัวลำภู  156 AQI 4. สมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม 154 AQI 5. น้ำพอง จ.ขอนแก่น 152 AQI 6.ลำปาง จ.ลำปาง  147 AQI 7. โพธาราม จ.ราชบุรี 147 AQI 8. ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 145 AQI 9. สันกำแพงจ.เชียงใหม่ 144 AQI 10. นครไชยศรี จ.นครปฐม 137 AQI 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อาจมีแนวโน้มสูงขึ้นและเกินมาตรฐานในช่วงปลายปี สาเหตุหลักมาจากยานพาหนะกว่า 50% โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้บูรณาการกับกรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง มีการจัดตั้งสถานีตรวจวัดฝุ่นละออง PM2.5 แบบถาวร ทั้งสิ้น 70 จุดทั่วกรุงเทพฯ บริเวณริมถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ในพื้นที่พักอาศัย และบริเวณสวนสาธารณะ เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดควันดำมีรถตรวจวัดคุณภาพอากาศ เพื่อเข้าไปวัดปริมาณฝุ่นในทุกพื้นที่ 

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของต่างจังหวัดสาเหตุของฝุ่นมาจากลมที่พัดนำฝุ่นละอองจากการเผาในที่โล่งและประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการติดตามสื่อสารให้ข้อมูล เฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สอดคล้องกับร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ปี 2565 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงานที่ต้องเร่งรัดและเน้นย้ำการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหา ภายใต้แนวคิด “1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ” เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน  

“นายกฯ มีความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ในพื้นที่ดัชนีคุณภาพอากาศที่อยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขอให้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ  สวมหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมโดยเฉพาะหน้ากาก N95 งดทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมทั้งลดปัจจัยเสี่ยง หมั่นตรวจเช็คยานพานหนะของตัวเอง ช่วยกันสอดส่องการเผาขยะ เศษใบไม้ กิ่งไม้ หรือการเผาเพื่อกำจัดเศษวัสดุการเกษตร ต่างๆ ในพื้นที่โล่งแจ้ง รวมถึงติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันตัวเองและช่วยสิ่งแวดล้อมด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว