เกาะติด "น้ำท่วมภาคใต้" น้ำป่าเทือกเขาหลวงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 50 ครัวเรือน

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าเทือกเขาหลวงไหลบ่าสมทบคลองเสาธง เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 50 ครัวเรือน ในจำนวนนี้มี 25 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เร่งสร้างจุดพักพิงชั่วคราว

กรณีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนล่าสุดให้จังหวัดภาคใต้เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 27 – 30 พ.ย.64 ส่วนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักจนถึงช่วงเช้าวันนี้ ครอบคลุมทั้ง 23 อำเภอ ยังฝนตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ส่วนบนท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆฝนที่ปกคลุม

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำป่าเทือกเขาหลวงไหลบ่าสมทบน้ำฝนที่ตกต่อเนื่องลงคลองเสาธง ทำให้น้ำคลองเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร พื้นที่เลี้ยงสัตว์ ใน ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแล้ว ประกอบด้วย หมู่ 3, 7, 5, 6, 11 และ 13 บ้านเรือนกว่า 50 ครัวเรือน ถูกน้ำท่วม ในจำนวนนี้มี 25 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

นายสรรเพชญ์ ทันราย กำนันตำบลท้ายสำเภา อ.พระพรหม พร้อมกำลัง ทหาร ป.5 พัน 105 ระดมกำลังลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นการเบื้องต้นแล้ว ทั้งขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขนย้ายสัตว์เลี้ยง พร้อมกับลุยน้ำท่วมสูง 1.5 เมตร เพื่อขนย้ายเต็นท์ออกจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก เพื่อนำมาตั้งเป็นศูนย์อพยพ รวมทั้งตั้งโรงครัวเคลื่อนที่ประกอบอาหาร ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม บริเวณพื้นที่ว่างภายในสวนปาล์มน้ำมัน หมู่ 13 ต.ท้ายสำเภา ซึ่งเป็นพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง

ขณะที่ตัวเมืองนครศรีธรรมราชในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูง เทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมสำนักชลประทานที่ 15 ได้เร่งเดินเครื่องเจ็ทไฟฟ้าผลักดันน้ำในลำคลองสายหลักทั้งคลองหน้าเมือง คลองท่าซัก คลองป่าเหล้า ซึ่งเป็นสายน้ำที่หากเข้าสู่เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งต้องระวังปัญหาการลักลอบตัดสายไฟฟ้าแรงสูงของเครื่องเจ็ทไฟฟ้าเพื่อโจรกรรมสายไฟของคนร้ายไปด้วย การระบายน้ำเป็นไปอย่างรวดเร็วจากภาวะฝนทิ้งช่วงหลายชั่วโมงและไม่มีปัญหาภาวะน้ำทะเลหนุนทำให้น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ลุ่มริมคลองลดระดับได้อย่างรวดเร็ว และแม้ว่าจะสามารถบรรเทาภาวะน้ำท่วมในชุมชนลุ่มต่ำได้อย่างรวดเร็วเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งระบายน้ำให้มากขึ้นพร่องน้ำให้มากที่สุดเพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นได้จากการแจ้งเตือนของสำนักอุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก