"จิตตะ เวลธ์" สแกน 4 เทรนด์น่าลงทุนปี 2565 ปั้นผลตอบแทน 20-30% ต่อปี

"จิตตะ เวลธ์" สแกน 4 เทรนด์น่าลงทุนปี 2565 ปั้นผลตอบแทน 20-30% ต่อปี

"จิตตะ เวลธ์" เปิด 4 เทรนด์ลงทุนมาแรงในปี 2565 ชี้ต้องเลือกลงทุนใน "เมกะเทรนด์" คาดหวังผลตอบแทน 20-30% ต่อเนื่องในอนาคต พร้อมจับกระแส "เมทาเวิร์ส" หลังเฟสบุ๊กรีแบรนด์

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยในงานสัมมนา "TRENDS : Driving the Future" จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สำหรับเทรนด์การลงทุนในอนาคต แนะนำลงทุนในธุรกิจที่อยู่ใน "เมกะเทรนด์" (Mega Trends)

เพราะเมกะเทรนด์เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ทั้งโครงสร้างทางเศรษฐกิจและโครงสร้างทางสังคม อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การแพทย์ดิจิทัล (Digital Health) และ หุ่นยนต์และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Robotics & AI) เป็นต้น

อย่างไรก็ดี แนะนำเมกะเทรนด์ที่อยู่ในขั้น Early Majority หรือเริ่มมีผู้ใช้แล้วประมาณ 34% ของประชากร รวมถึงถูกกระตุ้นให้เกิดการใช้งานต่อเนื่องผ่านสื่อหรือช่องทางอื่นๆ อาทิ อีคอมเมิร์ซ และคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) เป็นต้น

ในการนี้ บลจ.จิตตะ เวลธ์ คัดเลือก 4 เทรนด์การลงทุนที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อยในระยะ 10 ปีต่อจากนี้ และสามารถคาดหวังผลตอบแทนระดับ 20-30% ต่อปี ได้แก่ 1. Cloud Computing ซึ่งเข้ามาดิสรัปธุรกิจซอฟต์แวร์ เพิ่มความสะดวกสบายในการแลกเปลี่ยนข้อมูล

ปัจจุบันมูลค่าตลาดอยู่ที่ 371 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12.5 ล้านล้านบาท) โดยคาดหวังการเติบโตเท่าตัวมาอยู่ที่ 832 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28 ล้านล้านบาท) ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า บริษัทแนะนำ อาทิ Asana และ Bill.com

2. ฟินเทค (Fintech) มูลค่าตลาดปัจจุบันประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.3 หมื่นล้านบาท) แต่คาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดจะเติบโตแตะ 188 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.3 ล้านล้านบาท) หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 11.7% จากแรงหนุนกลุ่มธุรกิจชำระเงิน (Payment)

ขณะที่ในอนาคตคาดว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่ได้รับความสนใจ จากพฤติกรรมของผู้คนที่หันมาใช้เทคโนโลยีทางการเงินมากขึ้นในช่วงโควิด-19 บริษัทแนะนำ อาทิ Adyen ผู้อยู่เบื้องหลังแอพพลิเคชั่นชำระเงิน และ Coinbase ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

3. จีโนมิกส์ (Genomics) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาดิสรัปการให้บริการด้านสุขภาพ เพราะมีความแม่นยำสูง สามารถรักษาและป้องกันโรคได้ที่ต้นตอ ส่งผลให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นและอายุยืนขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าอุตสาหกรรมจะเติบโตแตะ 72.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.5 ล้านล้านบาท) ในปี 2573 โดยบริษัทแนะนำ ได้แก่ Invitae และ Moderna

4. พลังงานสะอาด (Global Clean Energy) โดยคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยในอนาคตจะลดลงต่ำกว่าพลังงานรูปแบบเดิม ส่งผลให้ความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าทุกประเทศจะต้องวิ่งเข้าหาเทรนด์พลังงานสะอาด รวมถึงได้แรงหนุนจากกระแส EV บริษัทแนะนำ ได้แก่ Sunrun และ XPeng

อีกหนึ่งเทรนด์ที่ต้องติดตาม คือ ชุมชนโลกเสมือนจริง (Metaverse) ภายหลังยักษ์ธุรกิจออนไลน์อย่างเฟสบุ๊กเป็นประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น "เมทา" (Meta) พร้อมพันธกิจนำผู้คนเชื่อมต่อกันบนโลกออนไลน์ เบื้องต้นคาดการณ์ตลาด Metaverse เติบโตแตะ 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 27 ล้านล้านบาท) เฉลี่ยปีละ 40% บริษัทแนะนำ ได้แก่ Meta และ Nvidia