คลังเร่งทยอยใช้สิทธิ์ยันไม่มีแผนขยายเวลา​คนละครึ่งเฟส3

คลังเร่งทยอยใช้สิทธิ์ยันไม่มีแผนขยายเวลา​คนละครึ่งเฟส3

คลังเผยไม่มีแผนขยายเวลาใช้จ่ายคนละครึ่งเฟส 3 หรือ ปรับเงื่อนไขการใช้สิทธิ์ เชื่อผู้มีสิทธิ์จะสามารถใช้จ่ายได้เต็มวงเงินที่​กำหนด​ โดยโครงการจะสิ้นสุดในปลายปีนี้

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนที่จะยืดระยะเวลาการใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ออกไป แม้ว่า ยอดการใช้จ่ายของผู้มีสิทธิ์ในโครงการจะไม่เต็มวงเงินที่รัฐบาลออกให้ โดยโครงการนี้จะสิ้นสุดในสิ้นเดือนธ.ค.นี้ ฉะนั้น ผู้มีสิทธิ์ที่เหลือวงเงินอยู่จำนวนมากควรทยอยใช้สิทธิ์ก่อนสิ้นสุดโครงการ

ทั้งนี้ ในระยะแรกของการใช้จ่ายในโครงการนี้ หรือ ในช่วงเดือนก.ค.เป็นช่วงที่โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่มาก ทำให้การใช้จ่ายโครงการนี้ อาจจะไม่คึกคัก แต่กระทรวงการคลังได้ให้ระยะเวลาการใช้จ่ายโครงการยาวถึงสิ้นปี เชื่อว่า ผู้มีสิทธิ์จะทยอยใช้สิทธิ์จนครบ

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังไม่ปรับรูปแบบโครงการ เพื่อเร่งให้เกิดการใช้จ่ายดังกล่าว เช่น การปรับให้โครงการมีการใช้จ่ายเหมือนกันกับโครงการเราชนะ ที่ผู้มีสิทธิ์สามารถใช้จ่ายได้เต็มวงเงิน เนื่องจาก การใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งนั้น จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด คือ ต้องมีการใช้จ่ายคนละครึ่งระหว่างรัฐบาลกับผู้มีสิทธิ์

ทั้งนี้ เงื่อนไขการใช้เงินผ่านสิทธิ์คนละครึ่ง คือ ผู้มีสิทธิ์จะใช้เงินรัฐได้วันละไม่เกิน 150 บาทต่อวัน รวมวงเงินที่รัฐบาลให้ประชาชนใช้จ่ายต่อรายไม่เกิน 4,500 บาท

“ขณะนี้ โครงการนี้ ยังเหลือระยะเวลาการใช้จ่ายอีกประมาณ 1 เดือนกว่า ก็เชื่อว่า ผู้มีสิทธิ์จะสามารถใช้จ่ายได้เต็มวงเงินที่รัฐบาลออกให้ ฉะนั้น ขณะนี้ เราจึงไม่มีนโยบายที่จะปรับรูปแบบการใช้จ่ายของโครงการแต่อย่างใด”

ทั้งนี้ ณ วันที่ 24 พ.ย.โครงการคนละครึ่งเฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสมจำนวน 26.15 ล้านราย จากผู้ได้รับสิทธิจำนวน 27.98 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายสะสมรวม 172,820 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายสะสม 87,808 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 85,012 ล้านบาท

ยอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่

  • ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 67,773.2 ล้านบาท
  • ร้านธงฟ้า 28,211.8 ล้านบาท
  • ร้าน OTOP 8,368 ล้านบาท
  • ร้านค้าทั่วไป 65,345.9 ล้านบาท
  • ร้านบริการ 2,949.8 ล้านบาท
  • กิจการขนส่งสาธารณะ 171.3 ล้านบาท