ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้อง “แทน เทือกสุบรรณ” คดีรุกป่าเขาแพง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้อง “แทน เทือกสุบรรณ” คดีรุกป่าเขาแพง

“ศาลอุทธรณ์” พิพากษาแก้ยกฟ้องอาญา “แทน เทือกสุบรรณ” ลูก “สุเทพ” คดีรุกป่าเขาแพง จ.สุราษฎร์ฯ แต่ส่วนแพ่งสั่งย้ายของออกจากสันอ่างเก็บน้ำ ชี้ไม่มีเหตุถือครองตามกฎหมาย เจ้าตัวเผย “รู้สึกปกติดี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีรุกป่าเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานี คดีหมายเลขดำ อ.3534/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร ผู้จัดการ หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น, นายสามารถ เรืองศรี (โกเข็ก) อายุ 66 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น, นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตนักการเมืองชื่อดัง และอดีตแกนนำ กปปส. ในฐานะนายหน้าขายที่ดิน และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 22

ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริง จำเลยที่ 1-2 ขายที่ดินให้จำเลย 3 โดยมิได้เข้าไปยึดครอง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ ในส่วนของคดีอาญา

ส่วนคดีทางแพ่งให้จำเลยที่ 3, 4 คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวาร ย้ายออกจากป่าเขาแพงทางทิศเหนือ และทิศตะวันออกของโฉนดเลขที่ 28109 ต แม่น้ำอ.เกาะสมุย แนวร่องน้ำ แนวสันอ่างเก็บน้ำ โดยจำเลยที่ 3 และ 4 ไม่มีเหตุจะถือครองตามกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะคุ้มครองรักษาไว้เพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะ

ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาดังกล่าว นายแทน ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ว่า “รู้สึกปกติดี” 

ส่วนนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ กล่าวว่า เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คน แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยในชั้นฎีกา ศาลฎีกาสั่งย้อนสำนวน ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ วันนี้จึงเป็นการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้มีประเด็นอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 กรณีที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 และ 2 ไปซื้อมา ขายให้จำเลยที่ 3 และ 4 นำไปออกโฉนดนั้น แม้เนื้อที่จะเกินไปกว่าน.ส.3 แต่ที่ดินทั้งหมด ผู้ครอบครองได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดิน มีหลักฐานการแจ้งครอบครองเป็น ส.ค.1 ส่วนพื้นที่ที่เกินไปนั้น ไม่ใช่พื้นที่ป่า เพราะมีการครอบครองกันมา ส่วนของอาญานั้นศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน

ส่วนที่ 2 คือ ประเด็นในส่วนแพ่ง ที่ศาลอาญาวินิจฉัยพิพากษาว่า ที่ดินบริเวณที่เป็นหัวลูกศร บริเวณแนวโขดหิน ที่เรียกว่า เขาแพง ศาลบอกว่าเป็นพื้นที่ป่า ก็ต้องให้จำเลยที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นผู้ขอออกโฉนด รวมถึงคนงาน ห้ามไม่ให้อยู่ในที่ดินส่วนดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ทางกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้ตัดที่ดินส่วนนั้นออกไป จำเลยที่ 3,4 และบริเวณก็ไม่เคยเข้าไปในพื้นที่ส่วนนั้น ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติกันมานานแล้ว แต่ทั้งนี้ก็เป็นไปตามคำพิพากษา.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 ก.ย. 2543-5 ต.ค. 2544 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตร.ว. ส่วนจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากกรณีเป็นเรื่องร้ายแรง พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทุกคน อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย

ต่อมาวันที่ 18 มี.ค. 2564 ศาลฎีกา แผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ ยังวินิจฉัยไม่ครบถ้วนทุกประเด็น จึงมีคำสั่งย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ พิจารณาพิพากษาใหม่