วิบากกรรม “บิตคอยน์” มหาอำนาจคุมเข้ม “คริปโทเคอร์เรนซี”

วิบากกรรม “บิตคอยน์” มหาอำนาจคุมเข้ม “คริปโทเคอร์เรนซี”

นักลงทุนอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเกิดปรากฏการณ์บิตคอยน์ขยับตัวขึ้นลงเล็กน้อยต่อเนื่องจนผิดสังเกต ตามมาด้วยดิ่งรูดลงอย่างหนัก ใกล้แตะจุดวิกฤติ ท่ามกลางกระแสประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จีน สหรัฐ อินเดีย กำลังพิจารณามาตรการต่างๆ คุมเข้มสกุลเงินดิจิทัล

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า หลังจากราคาบิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ (15 พ.ย.) เล็กน้อย หลังจากนั้นได้ร่วงลงถึง 6% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเหลือต่ำกว่า 59,000 ดอลลาร์ในวันพุธ 

คริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ รวมถึง อีเธอเรียม โซลาน่า คาร์ดาโน่ โดชคอยน์ ก็ลดลงด้วยเช่นกันในสัปดาห์นี้ โดยพบว่า คริปโทเคอร์เรนซี 10 อันดับแรกส่วนใหญ่ลดลงระหว่าง 6 - 12%

หากแต่ขณะนี้ เมื่อเวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย บิตคอยน์ยังยืนเหนือ 58,000 ดอลลาร์ ได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว Taproot สกุลเงินดิจิทัลใหม่ที่หลายคนรอคอยมานานในช่วงสุดสัปดาห์

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาบิตคอยน์ดิ่งลง 1% แตะที่ 59,000 ดอลลาร์ในวันนี้ และร่วงลง 12% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.

นักวิเคราะห์ระบุถึงปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนต่างพากันเทขายสกุลเงินดังกล่าวเพื่อทำกำไรหลังจากที่ราคาดีดตัวสูงขึ้นก่อนหน้านี้

"จีน" สั่งห้ามรัฐวิสาหกิจเอี่ยวขุดเงินดิจิทัล

การที่จีนคุมเข้มเงินคริปโท ประกาศให้รัฐวิสาหกิจจีนที่ทำเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล ยุติการดำเนินการดังกล่าว พร้อมกับเตรียมออกบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืน เรื่องนี้ส่งผลให้ค่าเงินกลุ่มนี้ร่วงตามกันเป็นแถว

ค่าเงินบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลเข้ารหัสอื่น ๆ พากันปรับตัวลดลงเมื่อวันอังคาร ( 16พ.ย. ) โดยลดลงจากระดับสูงสุดเกือบเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

มูลค่าตลาดของสกุลเงินดิจิทัลเข้ารหัสทั่วโลกลดลงประมาณ 7% โดยลงมาสู่ระดับ 2.66 ล้านล้านดอลลาร์ การลดลงเกิดขึ้นเมื่อจีนออกมาเตือนว่าจะดำเนินการคุมเข้มการทำเหมืองสกุลเงินเสมือนจริงในประเทศต่อไป

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (เอ็นดีอาร์ซี) เผยว่า รัฐวิสาหกิจ ควรออกจากการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล ในขณะที่พวกเขาจากกำลังพิจารณากำหนดมาตรการลงโทษในรูปแบบของราคาพลังงานที่สูงขึ้นสำหรับบริษัทที่ยังคงต่อต้านคำสั่งห้ามของรัฐบาล

นักลงทุน "สหรัฐ" วงแตกหวั่นภาษีคริปโท

นักลงทุนสหรัฐกังวลว่าสหรัฐจะทำการตรวจสอบการทำธุรกรรม และเรียกภาษีสกุลเงินดิจิทัล หลังที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวานนี้ (16 พ.ย.) ซึ่งกฎหมายนี้มีเนื้อหารายละเอียดที่กำหนดให้โบรกเกอร์ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลต้องรายงานต่อกรมสรรพากรสหรัฐ เกี่ยวกับลูกค้าทำธุรกรรมใดๆ ที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์

ขณะที่ราคาบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ยังถูกกดดันจากการที่นายเน็ต ซีกอล หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงินของทวิตเตอร์ ระบุว่า ทวิตเตอร์ไม่มีนโยบายจะเข้าลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี เพราะว่าการนำเงินสดไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และสินทรัพย์นี้มีความผันผวนสูง และไม่มีกฎระเบียบเพื่อกำกับดูแลที่ชัดเจน 

"อินเดีย" เล็งห้ามทำธุรกรรมคริปโท

หนังสือพิมพ์ Economic Times รายงานในวันนี้ว่า อินเดียมีแนวโน้มสั่งห้ามใช้คริปโทเคอร์เรนซีสำหรับการทำธุรกรรมหรือชำระเงิน แต่อนุญาตให้ประชาชนถือครองสินทรัพย์ต่าง ๆ อาทิ ทอง หุ้น หรือพันธบัตร

แม้รัฐบาลอินเดียหวังจะสกัดกั้นบริษัทคริปโท รวมถึงตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตและแพลตฟอร์มต่าง ๆ จากการพยายามดึงดูดนักลงทุนใหม่ ๆ แต่การดำเนินการครั้งล่าสุดนี้จะไม่ใช่การสั่งห้ามโดยสิ้นเชิง

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย ได้รับหน้าที่เป็นประธานการประชุมเพื่อหารืออนาคตของคริปโทเคอร์เรนซีท่ามกลางความวิตกว่า ตลาดคริปโทที่มิได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลด้านกฎระเบียบอาจกลายเป็นลู่ทางสำหรับการฟอกเงินและการระดมทุนให้กับกลุ่มก่อการร้าย

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลยังต้องมีการทบทวนเพิ่มเติมก่อนที่จะสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว และคณะรัฐมนตรีอินเดีย อาจได้รับร่างกฎหมายฉบับนี้ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อทำการพิจารณาต่อไป

ที่มา :  CNBC , Reuters, AFP