"ไทยสร้างไทย"เล็งผลักดัน"คลองไทย" เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนานาชาติ

"ไทยสร้างไทย"เล็งผลักดัน"คลองไทย" เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนานาชาติ

"โภคิน" นำคณะหารือ "สมาคมคลองไทยฯ" เห็นพ้องเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ชี้ ควรยกระดับเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษนานาชาติ ดึงดูดนักลงทุน เชื่อ "คลองไทย" ตอบโจทย์ สร้างไทย กลับมายืนอย่างสง่างาม ย้ำ คนไทยต้องได้ผลประโยชน์อย่างทั่วถึง

พรรคไทยสร้างไทยนำโดย นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พร้อมด้วยนายอมฤทธิ์ ปั้นศิริ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่ง นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมข้อมูล และน.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์นโยบาย เข้าร่วมประชุมกับสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนานำโดย พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์

โดยการหารือร่วมกันครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการศึกษาโครงการคลองไทยมาระยะหนึ่งแล้วโดยทั้งพรรคไทยสร้างไทยและสมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา ต่างเห็นด้วยกันว่าคลองนี้และเขตเศรษฐกิจโดยรอบจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศและวิสัยทัศน์ของโครงการนี้ควรเป็น International Special Economic Zone หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษนานาชาติ เพื่อให้นักลงทุนจากหลากหลายชาติเข้ามาลงทุนร่วมกับประเทศไทยและคนไทยทุกคนต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ เพื่อกระจายผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และเสนอให้เป็นที่ทดลองใช้ Sandbox ทางกฎหมายสำหรับการขออนุญาตประกอบกิจการต่างๆ ในรูปแบบOne stop service อย่างแท้จริง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่

\"ไทยสร้างไทย\"เล็งผลักดัน\"คลองไทย\" เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนานาชาติ

นอกจากนี้ พรรคไทยสร้างไทยยังตอกย้ำจุดยืนในการ Empower (ให้อำนาจ) และ Liberate (ปลดปล่อย) ประชาชนจากระบบรัฐราชการ เพื่อให้คนตัวเล็กทั้งหลายทำมาหากินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเสนอจัดตั้งกองทุน 5 กองทุน ได้แก่ กองทุน SMEs กองทุนสตาร์ทอัพกองทุนวิสาหกิจชุมชน กองทุนท่องเที่ยว และกองทุนเครดิตของประชาชน (กองทุนคนตัวเล็ก) รวมทั้งการสนับสนุนให้มีสภาประชาชนในระดับอำเภอทุกอำเภอเพื่อให้ข้อเสนอแนะและตรวจสอบการทำงานของรัฐราชการ 

“ฉากทัศน์ของโลกหลังโควิด-19 คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดจากการถูก Disrupt โครงการคลองไทยจะเป็นส่วนสำคัญในการตอบโจทย์การสร้างประเทศไทยให้สามารถลุกขึ้นมายืนอย่างสง่างามในภูมิภาคและโลกได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ต้องสามารถนำนโยบายไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับผลประโยชน์อย่างทั่วถึง” นายโภคิน กล่าว