ครม.สั่งคลัง-สำนักงบเร่งหาเงินจ่ายประกันรายได้เกษตรกร

ครม.สั่งคลัง-สำนักงบเร่งหาเงินจ่ายประกันรายได้เกษตรกร

ครม.มอบคลัง-สำนักงบเร่งหาแหล่งเงิน 7.6 หมื่นล้าน เพื่อนำมาจ่ายให้แก่เกษตรกรในโครงการประกันรายได้ พร้อมหาแนวทางแก้ไขข้อจำกัดการกู้เงินตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อเปิดช่องให้รัฐสามารถกู้เงินจากแบงก์รัฐได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า  กระทรวงการคลัง จะปรึกษากับสำนักงบประมาณ เพื่อหาแหล่งเงินมาจ่ายในโครงการประกันรายได้ชาวนาอีก 7.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เขาปฏิเสธที่จะกล่าวว่า จำเป็นต้องแก้ไขกรอบวินัยการเงินการคลัง ในประเด็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อเป็นแหล่งเงินมาใช้ในโครงการนี้หรือไม่ เนื่องจาก ปัจจุบัน กรอบในเรื่องการกู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อมาใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาล ที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 30ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปีนั้น ปัจจุบันเกือบจะเต็มเพดานไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า การหาแหล่งเงินดังกล่าวยังพอมีเวลา เนื่องจาก การจ่ายเงินในโครงการประกันรายได้ชาวนา จะเป็นลักษณะการทยอยจ่ายภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้

ทั้งนี้ ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังแห่งรัฐปี 2561 รัฐสามารถมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐ ซึ่งในที่นี้ก็คือสถาบันการเงินของรัฐ เป็นผู้ให้เงินกู้แก่โครงการของรัฐ ซึ่งเป็นโครงการเพื่อการฟื้นฟู หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพหรือยกระดับคุณภาพชีวิตของ ประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการก่อวินาศกรรม

แต่ทั้งนี้ ยอดคงค้างของรายจ่ายดังกล่าว จะต้องไม่เกินกว่า ที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลัง ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำหนดขึ้น ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 30ของงบประมาณในแต่ละปี

ด้านนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงการจ่ายเงินประกันราคาข้าวแก่เกษตรกรว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าวและมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการจ่ายเงินในงวดแรกและงวดสองภายในวันสองวันนี้ ส่วนงวดต่อไปคณะรัฐมนตรีมอบกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปหาแนวทางทั้งในแง่การจัดหาแหล่งทุนและกรณีข้อจำกัดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังมาตรา 28

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจะต้องรีบดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

เขากล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เราต้องคำนึงถึงการลดต้นทุนของเกษตรกร เพราะการจ่ายประกันนั้น ซึ่งตนมองในฐานะส่วนตัวแล้ว คิดว่า จะทำให้เกษตรกรอ่อนแอ ระบบการเกษตรก็จะอ่อนแอไปด้วย แล้วเมื่อไหร่จะจบ

ฉะนั้น จะต้องทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งทั้งด้านต้นทุนการผลิต เทคโนโลยีและการทำให้เป็นพื้นที่กว้างคล้ายๆกับนาแปลงใหญ่ จะได้ลดต้นทุน และ จะไม่สูญเสียแรงงาน ตลอดจนพันธุ์ข้าว และ การนำข้าวสารในแต่ละประเภทไปวิจัยว่าจะแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นที่มีมูลค่าสูง เพื่อยกระดับราคาข้าว

ส่วนจะมีการแก้ไขมาตรา 28 ในพ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง เพื่อให้รองรับการกู้เงินได้มากขึ้นหรือไม่นั้น เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ระดับนโยบายจะต้องหารือกัน อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้แจ้งว่า ส่วนงานใดที่ใช้จ่ายเงินภายใต้มาตรา 28 ส่วนไหนที่จบแล้วและเหลือเงินให้นำมาส่งคืนคลัง เพื่อให้มีช่องว่างในการที่จะกู้เงินตามมาตราดังกล่าวได้ ฉะนั้น ทางส่วนงานที่เกี่ยวต้องรีบไปดู

“ รมว.คลังได้พูดในที่ประชุมครม.ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยได้บอกให้ส่วนงานต่างๆไปดูว่า โครงการตัวเองจบโครงการหรือยัง ถ้าจบแล้วให้ส่งเงินคืน เพื่อให้มีช่องว่างในมาตรา 28 ที่จะสามารถกู้เงินได้มากขึ้น เช่น โครงการที่ช่วยเหลือเกษตรมีเยอะแยะไปหมด”