อีเวนท์-กระตุ้นบริโภค เพิ่มแรงส่งฟื้นเศรษฐกิจ

อีเวนท์-กระตุ้นบริโภค เพิ่มแรงส่งฟื้นเศรษฐกิจ

เอกชน แนะรัฐไฟเขียวเปิดประเทศแบบจัดเต็มอัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ว่างานอีเว้นท์ บันเทิง เทศกาล กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมส่งผลดีผู้ประกอบการวางแผนดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ประชุมเพื่อประเมินผลของนโยบายการเปิดประเทศ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร.กล่าวว่า กกร.ได้หารือถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.2564 โดยเห็นตรงกันว่าเป็นการช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการและประชาชนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ซึ่งเริ่มเห็นได้จากข้อมูลเร็ว (High Frequency Data) เช่น การค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการเดินทางในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น 

รวมถึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่ผู้ประกอบการโรงแรมมองว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25% ในเดือน พ.ย.2564 เทียบกับ 15% ในเดือนก.ย.2564 ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น

ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ว่าภาพเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น และพร้อม กับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน

ทั้งนี้ ประเมินว่าสถานการณ์ในภาพรวมของประเทศจะที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5-1.5% ส่วนการส่งออก กกร.ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัว 12.0-14.0% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0-1.2% ซึ่งมองว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“เอกชนขอให้ภาครัฐเปิดประเทศแบบจัดเต็มด้วยการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ ทั้งงานลอยกระทงและปีใหม่ นอกจากจะเป็นการสร้างเม็ดเงินทำให้จีดีพีของประเทศเติบโตได้ 1.5% แต่หากเปิดๆปิดๆ และการจัดกิจกรรมไม่ครอบคลุมทั้งประเทศจะไม่เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการเพราะบริหารและคำนวณต้นทุนการทำธุรกิจได้ยาก นอกจากนี้ยังมองว่าการจัดกิจกรรมแบบเต็มรูปแบบยังเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม “นายสนั่น กล่าว

รายงานข่าวจาก กกร.ระบุว่า การประชุมครั้งนี้มีการรายงานการเตรียมการของผู้ประกอบการเพื่อรับการเปิดเมือง ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนยังหวังว่าภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย “มาตรการช็อปดีมีคืน” จะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปี 2564 ให้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปี 2565

ในขณะที่ผลสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงอัตราการเข้าพักโรงแรมในเดือน ต.ค.2564 อยู่ที่ 23.5% สูงขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการและการมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยการฟื้นตัวของรายได้ของโรงแรมที่เปิดกิจการดีขึ้น แต่สัดส่วนธุรกิจที่สภาพคล่องเพิ่มขึ้นยังไม่มากและส่วนใหญ่อยู่ในภาวะตึงตัว ในขณะที่อัตราการเข้าพักโรงแรมในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย.ที่อยู่ที่ระดับ 23%

 

สำหรับความสนใจเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยสะท้อนจาก Google Indicators Destination Insights Index โดยความสนใจที่จะท่องเที่ยวหรือพักผ่อนภายในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือของปี 2564 สะท้อนจากการสืบค้นค่าในกลุ่ม Air และ Accommodation ในเดือน ต.ค.2564 ที่แม้จะฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเร่งขึ้นในเดือน พ.ย.-ธ.ค.2564 โดยส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐ โดยในปี 2564 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศคงประมาณการณ์เดิมที่ 40.0 ล้านคน-ครั้ง แต่หากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวไทยมีโอกาสสูงขึ้นในกรณีดีที่สุดที่ 52.2 ล้านคน-ครั้ง

รวมทั้งเพื่อเป็นการให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางภาคเอกชนก็เชื่อว่า หากภาครัฐมีการผ่อนคลายและโปรโมทกิจกรรมเทศกาลทั้งงานลอยกระทงและงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ โดยควรย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงในขณะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นการระบาดด้วย

นายสนั่น กล่าวว่า นอกจากการหารือในเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังได้มีการคุยถึงประเด็นต่างๆ อาทิ การอำนวยความสะดวกของการเดินทางทั้งนักท่องเที่ยวนักธุรกิจและนักลงทุนที่เข้าออกประเทศไทยนั้น ภาครัฐควรเร่งเจรจาประเทศต่างๆ ไม่ให้กักตัวนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับจากไทย ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวในปี 2564 กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น 

รวมทั้งขอเร่งให้ภาครัฐมีความชัดเจนในการเข้าร่วม ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก หรือ CPTPP ซึ่งภาคเอกชนได้ส่งผลการศึกษาของภาคเอกชนให้ทางภาครัฐและภาคประชาสังคมไปแล้วเพื่อเร่งให้เข้าร่วมเจรจา CPTPP เพราะหากช้าก็จะทำให้เสียโอกาส พร้อมกับต้องเพิ่มการเจรจาตามเงื่อนไขของประเทศที่จะเข้ามาเพิ่มเติมด้วย ดังนั้นจะต้องหารือร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อหาทางออกประเทศร่วมกัน

นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพ APEC ในปี 2565 ที่ภาครัฐจะใช้ BCG เป็นหัวข้อในการหารือภายใต้ Theme “Open Connect Balance” ซึ่งภาคเอกชนเห็นถึงความสำคัญประเด็นนี้ และพร้อมที่จะร่วมจัดงานกับภาครัฐด้วย โครงการภาคเอกชนจัดงานภายใต้Theme “Embrace Engage Enable"

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวได้ชี้แจงกรณีตัดเงินผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และวางมาตรการป้องกันปัญหาเชิงรุก พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงขึ้น 

โดยเฉพาะธุรกรรมบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์ในต่างประเทศโดย ซึ่งอาจพิจารณาให้ใช้รหัสโอทีพีทุกครั้งก่อนชำระเงินเพื่อป้องกันมิจฉาชีพนำบัตรไปใช้ ทั้งนี้หากประชาชนพบการตัดเงินผ่านบัตรอย่างผิดปกติให้รีบแจ้งธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อจะได้ดำเนินการคืนเงินให้ต่อไป