คลังเผยพิโกไฟแนนซ์บรรเทาผลกระทบลูกหนี้จากโควิดกว่า 1.2แสนบัญชี

คลังเผยพิโกไฟแนนซ์บรรเทาผลกระทบลูกหนี้จากโควิดกว่า 1.2แสนบัญชี

คลังเผยพิโกไฟแนนซ์บรรเทาผลกระทบลูกหนี้จากโควิดกว่า 1.2 แสนบัญชี ขณะที่ ยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่กว่า 4.4 พันล้านบาท มีหนี้เสีย 18.07%

นางสาวสภัทร์พร  ธรรมาภรณ์พิลาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ความร่วมมือกับ สศค.เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้กับลูกหนี้ ประกอบด้วย การลดค่างวด การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การเปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว การพักชำระค่างวด การพักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และการพักชำระเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ย จำนวนทั้งสิ้น 329 ราย ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จำนวน 12,315 บัญชี

โดยจังหวัดที่ผู้ประกอบธุรกิจให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (2,498 บัญชี) กรุงเทพมหานคร (1,244 บัญชี) และขอนแก่น (867 บัญชี)

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 สศค. ได้ออกประกาศ สศค. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้สอดคล้องกับการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ย อัตรากำไรจากการให้สินเชื่อ ดอกเบี้ยผิดนัดชำระค่าปรับ ค่าบริการ หรือค่าธรรมเนียมอื่นใดสำหรับการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แบบมีหลักประกันจาก 36% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)” เป็น 33% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)

ขณะเดียวกัน ยังกำหนดแนวทางการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระสำหรับการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือนก.ย.มีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ 1,012 ราย ใน 75 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (591 ราย) รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง (172 ราย) ภาคเหนือ (131 ราย) ภาคตะวันออก (66 ราย) และภาคใต้ (52 ราย) ตามลำดับ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 ที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,044,352 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 15,358.52 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 14,706.27 บาทต่อบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

(1) สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์  ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิทั้งสิ้น 888 ราย ใน 74 จังหวัด และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 863 ราย ใน 74 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (79 ราย) กรุงเทพมหานคร (70 ราย) และขอนแก่น (51 ราย)

(2) สินเชื่อประเภทพิโกพลัส  ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสสะสมสุทธิทั้งสิ้น 163 ราย ใน 50 จังหวัด และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 149 ราย ใน 46 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร) โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (25 ราย) อุดรธานี (10 ราย) อุบลราชธานีและกรุงเทพมหานคร (จังหวัดละ 8 ราย)

(3) ภาพรวมสถานะสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564 มียอดสินเชื่อคงค้างจำนวนทั้งสิ้น 211,249 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 4,409.39 ล้านบาท โดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1 - 3 เดือน สะสมรวมทั้งสิ้น 29,675 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 638.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.48% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) สะสมรวมจำนวน 30,365 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 796.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.07% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนับตั้งแต่เดือนต.ค.2559 จนถึงสิ้นเดือนก.ย.2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 10,094 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2564 จำนวน 97 ราย