"พปชร." จ่อเขย่า โครงสร้างพรรค แชร์อำนาจ ซีกหนุน "ประยุทธ์-ประวิตร"

"พปชร." จ่อเขย่า โครงสร้างพรรค แชร์อำนาจ  ซีกหนุน "ประยุทธ์-ประวิตร"

"พปชร." จ่อปรับโครงสร้างบริหารพรรค กระจายอำนาจ แบ่ง "รมต.-คนมีศักยภาพ" คุมแต่ละโซน เชื่อ ประสิทธิภาพเพิ่ม เหตุ ต้องแข่งกันสร้างผลงานในการเลือกตั้ง ชี้ หากเดินหน้าสำเร็จ "ประยุทธ์" เดินคู่พรรคต่อไป แกนนำซีกหนุน มีบทบาทถ้วนหน้า ส่วน "ประวิตร" ยังมี "ธรรมนัส" เป็นเลขาฯ

รายงานข่าวแจ้งถึงความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า ขณะนี้แกนนำของพรรคอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานภายในของพรรคให้มีประสิทธิภาพเพื่อเดินหน้าทางการเมืองและเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งในอนาคต ตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพปชร. ได้นำเสนอพิมพ์เขียวโครงสร้างพรรคใหม่ ต่อที่ประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) เมื่อ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา 

โดยรูปแบบโครงสร้างใหม่ของพรรคพปชร. จะใช้โมเดลในการแบ่งโซนทั่วประเทศออกเป็น10 ภาค มีหัวหน้าภาค ซึ่งผ่านการเลือกกันเองของส.ส. มารับผิดชอบแต่ละพื้นที่ เนื่องจากมองว่า หากให้คนระดับรัฐมนตรี หรือผู้ที่มีศักยภาพ มีฐานเสียงในพื้นที่นั้นๆ รับผิดชอบ จะสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค ลดการบริหารงานแบบรวมศูนย์ กระจายอำนาจให้แกนนำทุกกลุ่มมีบทบาทขับเคลื่อนพรรค ไม่ก้าวก่ายข้ามโซนกันไปกันมา นอกจากนั้น การที่ให้ทุกกลุ่มมีบทบาทในแต่ละภาค จะเป็นตัวกระตุ้นให้หัวหน้าภาคแต่ละคนต้องแข่งกันสร้างผลงานในการเลือกตั้งให้ออกมาดีที่สุด โดยหลังจากนี้ พรรคพปชร. อาจมีการเพิ่มสัดส่วนรองหัวหน้าพรรคมาดูแลทั้ง10 โซนทั่วประเทศ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 4 คน เท่านั้น

ทั้งนี้ หากการปรับโครงสร้างดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะเป็นเหตุผลสำคัญให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ร่วมงานการเมืองกับพปชร.ต่อไป ไม่ตัดสินใจไปตั้งพรรคใหม่ เนื่องจากแกนนำพรรครวมถึงบรรดารัฐมนตรีในซีกที่สนับสนุนนายกฯ จะมีบทบาทดูแลพื้นที่และส.ส. 

ขณะที่ในส่วนของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จะยังคงได้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค อยู่ในตำแหน่งตามเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดเพียงแต่บทบาทจากนี้จะชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องรับผิดชอบภารกิจครอบจักรวาลเหมือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แกนนำของพรรคหลายคนมองตรงกันว่า หากพรรคไม่มีการปรับเปลี่ยนใดๆภายในจะส่งผลกระทบในการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้