"นายกฯ"เผยเปิดประเทศห่วง"ม็อบ"สร้างความรุนแรง นทท.ไม่กล้ามาไทย

"นายกฯ"เผยเปิดประเทศห่วง"ม็อบ"สร้างความรุนแรง นทท.ไม่กล้ามาไทย

"นายกฯ" ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ระมัดระวัง รับ เปิดประเทศ อย่างเต็มที่ เปิด จุดผ่อนปรน ค้าขายชายแดน ห่วง ม็อบ สร้างความรุนแรงบนท้องถนน หวั่น ปชช.เดือดร้อน นักท่องเที่ยวกังวล ไม่กล้ามา ระบุ "ลิซ่า แบล็กพิงก์" มีโอกาสมาวันหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. ว่า วันนี้ทุกคนคงทราบดีว่ามีการประชุมศบค.ชุดใหญ่อีกครั้ง ซึ่งประเด็นสำคัญคือจากการที่ ตนประกาศไปว่าตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ได้กำหนดให้เป็นวันเริ่มเปิดประเทศ โดยมีชาวต่างชาติและชาวไทย ที่เดินทางเข้ามาทางอากาศ 46 ประเทศในชั้นแรกสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งก็จะมีมาตรการออกมา

ในส่วนของความร่วมมือที่ตนต้องการจะได้รับจากประชาชน ทุกคน ทุกสถานประกอบการสมาคมต่างๆ มีอยู่ 4 เรื่อง ประกอบด้วย ทุกคนทุกส่วน ทุกสมาคม ต้องช่วยกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ และใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่กำหนดออกไปและอย่างเต็มที่ และข้อสำคัญทุกคนต้องมีวินัยในตนเอง ในการที่จะไม่เป็นผู้แพร่เชื้อการแพร่ระบาดต่อไปอีก 

ข้อที่ 2 ตามที่มีคำถามในเรื่องของมาตรการการเดินทางเข้าทางเส้นทางอื่น ตรงนั้นคงต้องกำหนดมาตรฐานพูดตรงนี้ไว้ก่อน ทั้งทางบกและทางน้ำ ที่ต้องกักตัวเช่นเดิม และเจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง อย่างเช่นทุกวันนี้มีการจับกุมการลักลอบเข้าตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน ในส่วนของการค้าขายตามแนวชายแดน จากการเปิดจุดขายตามแนวชายแดนได้ให้นโยบายกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการเปิดจุดผ่อนปรนเหล่านี้ เพื่อให้มีการค้าขายสินค้า เพื่อให้เป็นไปตามมติของอาเซียนด้วย โดยเฉพาะประเทศรอบบ้าน ตนได้ตัดสินใจว่าจะทยอยเปิดให้ แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย ไม่มีการ นำพ่อค้าหรือลูกค้า ต้องไม่ให้มาเผชิญหน้ากันอยู่ในตลาดแต่ต้องอยู่ในช่องทางที่กำหนด โดยจะต้องมีพื้นที่ว่างตรงกลางขนส่งสินค้ามาในแต่ละวัน ซึ่งมีมาตรการในการส่งสินค้าระหว่างกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อติดกันโดยขอให้เจ้าหน้าที่รับทราบด้วย 

ข้อ 3 บุคลากรทางการแพทย์ทราบดีอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมามีสถานการณ์การแพร่ระบาดมาหลายระลอก ถึงต้องมีแผนเผชิญเหตุ แผนเตรียมการให้พร้อมในการดูแลรักษา ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม พื้นที่ควบคุมตัวกักตัว จะต้องมีความพร้อมเช่นเดิม เพื่อรองรับสถานการณ์ให้เกิดการดูแลเกิดขึ้น และตนได้สั่งการในเรื่องของยาและเร่งรัดให้มีการสั่งจองยาโมโนพิราเวียร์เป็นที่เรียบไปแล้ว ซึ่งต้องรีบสั่งไปก่อนเพื่อให้ประเทศไทยนั้นไม่ตกอยู่ท้ายแถวในการสั่งยาที่ผลิตมาใหม่ และในวันนี้ต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน+3 และเอเชียใต้ ที่จะเข้ามาร่วมมือกันด้วย เพราะหลายประเทศก็ต้องการผลิตยาใหม่ๆขึ้นมาและไทยก็มีการวิจัยยาอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นก็เป็นการจองไว้ก่อนตามความจำเป็น รวมทั้งควบคู่กับการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ ซึ่งตนได้สั่งการให้มีการเร่งรัดพัฒนาสารสกัดจากสมุนไพรไทย นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้วมีอื่นๆอีกหรือไม่ ในการที่จะเพิ่มการดูแลรักษาในชั้นต้นได้ เนื่องจากประชาชนมีจำนวนมาก ที่มีการหามาใช้เอง แต่ต้องทำให้ปลอดภัย 

ข้อที่ 4 เมื่อมีการประกาศให้ทั่วโลกรู้ถึงการเปิดประเทศไปแล้วนั้น ขอให้ทำความเข้าใจว่าคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาอย่างทันทีเป็นเวลาสั้นๆมากๆ จากการเปิดภูเก็ต sandbox ที่ผ่านมามีคนเข้ามาประมาณ 40,000 คน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา วันนี้ก็มีการขยายไปหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี จำเป็นจะต้องประกาศให้ทั่วโลกรู้ และหลายประเทศกำลังเดินการตามประเทศไทยและดำเนินการ เปิดพื้นที่ sandbox เหมือนไทย การที่จะเข้ามาไม่ใช่ว่าประกาศแล้วจะมาได้เลยแต่ละประเทศจะต้องมีการประเมินวางแผนในการที่จะอนุญาตคนของเขาออกมานอกประเทศเช่นเดียวกัน จะต้องศึกษามาตรฐานที่ไทยและหวังไว้ว่าสามารถปฏิบัติได้หรือไม่ การประกาศล่วงหน้านั้น มีประโยชน์อย่างไร จะมีประโยชน์ทำให้ประเทศเหล่านั้น รวมถึงนักท่องเที่ยวได้มีการวางแผนเตรียมการ เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยในเป็นประเทศแรกๆ ที่จะพิจารณาโดยเฉพาะช่วงการเดินทาง ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งถือเป็น High Season ซึ่งเขาก็คาดหวังอย่างนั้น 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของตนออกไปในเรื่องของการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและปลอดภัย สิ่งสำคัญอีกประการคือความคิดเห็นต่าง หรือผู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือการสร้างความรุนแรงบนท้องถนนขอความร่วมมือ อย่าสร้างความเสียหายให้ประเทศไทยในช่วงนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนส่วนอื่นๆเดือดร้อนลำบากไปด้วย และนักท่องเที่ยวก็จะกังวลไม่กล้ามา ภาพเหล่านี้ออกไปต่างประเทศทุกครั้ง ขอให้ระมัดระวังดังที่สุด 

วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่ตนคิดอยู่และรัฐบาลคิดอยู่ คือการทำให้ประชาชนสามารถทำมาหากินได้อย่างเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าร้านอาหารร้านกาแฟ ตลอดจนห่วงโซ่ต่างๆที่เป็นวัตถุดิบ เช่นอาหารผักหญ้า เครื่องดื่มจะได้มีการประกอบกิจการ ไปห่วงโซ่ของเขาเพื่อมาสนับสนุนในการเปิดประเทศในครั้งนี้และจะเพิ่มการจ้างงาน เพิ่มรายได้ให้กับกิจการทุกกิจการ คงไม่ใช่เฉพาะสถานบริการอย่างเดียวทั้งการขนส่งคมนาคมการบิน เพราะมีการเปิดแผนเที่ยวบินดีกว่า 10 ประเทศที่มีความพร้อม ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการฟื้นฟูการบินไทยด้วย

เพราะฉะนั้น ที่ตนพูดมาทั้งหมดคือหลักการ และเป็นนโยบายซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องประกาศออกมาให้เกิดความชัดเจน ซึ่งมีรายละเอียดมากมายในมาตรการต่างๆการเข้าประเทศแต่ละชนิดแต่ละวิธีการ 

ขณะที่การปรับพื้นที่สีต่างๆของแต่ละจังหวัด ก็มีความห่วงกังวล จะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งในการปรับโทนสี ในช่วงบ่ายของวันนี้ก็จะนำไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง หลายกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง อยากให้ทุกคนอยากจะมีส่วนร่วมตรงนี้จงร่วมมือกันลงทะเบียนกับเตรียมความพร้อมสถานที่ของท่าน ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แล้วต้องร่วมรับผิดชอบไปพร้อมกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะได้ข้อสรุปเร็วๆและทางศบค.ก็จะให้ทางโฆษกได้แถลงให้ทราบต่อไป 

วันนี้ตนพูดแค่นโยบายและหลักการกว้างคือหลักการของนายกรัฐมนตรี ในการที่จะเปิดประเทศสร้างความเชื่อมั่น และทำให้คนไทยนั้นรอดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจไปได้ไม่มากก็น้อยสนใจเรื่องอื่นมาก่อนอื่นรัฐบาลให้เติมไปเรื่อยๆอยู่แล้วและคาดว่าทุกคนส่วนใหญ่ก็จะได้รับมาตรการที่รัฐบาลทยอยออกไปตามลำดับถือว่าเป็นประเทศที่ดูแลประชาชนได้มากที่สุดในช่วงที่ผ่านมานี้ เป็นรองอยู่ไม่กี่ประเทศซึ่งเขามีเงินอยู่เยอะ พร้อมกับเราไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

ขณะที่นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกรณีที่ลิซ่า Black Pink ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมกันเคาท์ดาวน์ในจังหวัดภูเก็ตได้ว่า ส่วนเรื่องการแสดงต่างๆ ทุกคนอาจจะให้ความสำคัญกับการมาแสดงโชว์ของลิซ่า ต้องเห็นใจและพยายามติดต่อมาเรียกเวลานานพอสมควร เขาก็ไปเคลียร์วันเวลาของเขาแต่เคลียร์ไม่ออกก็จำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไป มาไม่ได้ในช่วงนี้ แต่วันหน้าก็อาจจะมีโอกาสมาอีก วันนี้เตือนให้เดินทางไปว่าจะให้มีการแสดงของชาวต่างประเทศที่มาได้ที่มีชื่อเสียง และให้กกท.ไปหาการแสดงที่เป็นวัฒนธรรมของเรา 5 ภาคซึ่งมีหลายกิจกรรมเพื่อแสดงสลับกันไปมา เพื่อให้คนรู้สึกตื่นเต้นถ่ายรูปและมีความประทับใจในวัฒนธรรมของคนไทย 

วันนี้โลกใบนี้หากนายกฯ ฟังจากการพูดคุยหรือการหารือกันในที่ประชุมอาเซียน มีอำนาจอยู่ 3 ด้านคืออำนาจด้านความมั่นคง หลายประเทศก็มีความเข้มแข็ง ในเรื่องของกองทัพทั้งทางบกน้ำอากาศและใต้น้ำ ต่างประเทศก็มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ หรือบวกพลังอำนาจไปด้วยแต่เราในฐานะที่เป็นประเทศไม่ใหญ่มากนัก และเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถด้านการเกษตรและสำคัญที่สุดคือมีวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงามและน่าชื่นชมที่ต่างชาติให้ความสนใจ จะเป็นโอกาสของประเทศไทยและเป็นพลังอำนาจใหม่คือด้านวัฒนธรรม ซึ่งไทยมีพร้อมตรงนี้ สถิติให้เขาประเมินมาไทยอยู่ในลำดับต้นๆของโลกในเรื่องวัฒนธรรมประเพณีและอัตลักษณ์ ขออย่าทำร้ายกันเลย ขอให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ เราสามารถจะทำได้เราต้องหยิบจับอะไรที่เรามีความสามารถมาแล้วพัฒนาต่อให้ดีที่สุดไม่ใช่เลิกไม่ใช่ล้ม ไม่ใช่ไม่มีแล้วเราจะเหลืออะไร หากไม่เข้มแข็งทางความมั่นคงทางทหารก็ไม่ได้ เศรษฐกิจก็ต้องพึ่งพาเขาวัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งที่เราขายได้มีราคาได้ต้องช่วยกันเพราะฉะนั้นคนไทยทุกคนต้องช่วยกันขอขอบคุณทุกคน

ซึ่งการประชุมอาเซียนที่ผ่านมาในช่วง 3 วันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนได้มีโอกาสเสนอโครงการด้วยกันออกไปความร่วมมือความเชื่อมโยง เอาเรื่องของดิจิทัลการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกันและการวิจัยพัฒนายาวัคซีนร่วมกัน จะได้ของการบริจาคฉีดวัคซีน เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีน ซึ่งก็มีนโยบายอย่างนั้นอยู่แล้ว จึงย้ำว่ารัฐบาลทำอย่างยิ่งยวดเพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปให้ได้ทำให้เกิดการพลิกโฉมประเทศไทยให้ได้ทุกคนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศไทยของเรา