"นครบาล" ยันตำรวจไม่ได้ถูกยิงจากปืนเจ้าหน้าที่ เร่งตรวจหัวกระสุน-บาดแผล

"นครบาล" ยันตำรวจไม่ได้ถูกยิงจากปืนเจ้าหน้าที่  เร่งตรวจหัวกระสุน-บาดแผล

โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ยันตำรวจถูกยิงไม่ได้ยิงจากปืนเจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ เร่งตรวจหัวกระสุนบาดแผล เปรียบเทียบฐานข้อมูลครอบครองอาวุธปืน ยังไม่ระบุเป็นกระสุนหัวกระจายหรือไม่

7 ต.ค. 2564 พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้าการเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณถนนดินแดงและวิภาวดีรังสิตจากการชุมนุมของกลุ่มผู้ก่อเหตุความวุ่นวายในจุดดังกล่าวว่า เมื่อคืนนี้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 28 คน ในจำนวนนี้เป็นเยาวชน 2 คน ทั้งนี้ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ในซอยต้นโพธิ์ และบริเวณด้านหลังแฟลตดินแดง มีเสียงปืนดังขึ้น และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นายคือ สิบตำรวจตรีเดชวิทย์ เล็ทเทนสัน ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการอารักขา 1 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ 1 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจเพื่อเข้ารับการรักษาโดยด่วน ขณะนี้ทราบว่ายังมีอาการบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้เสียชีวิตอย่างที่มีกระแสข่าวในก่อนหน้านี้

สำหรับประเด็นว่ากระสุนดังกล่าวถูกยิงมาจากบุคคลใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้เป็นการยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการอย่างแน่นอน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่ระหว่างปฏิบัติการ โดยจะได้รับการตรวจสอบจากหัวหน้ากองร้อย

“ ประเด็นดังกล่าวจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตการณ์ในโลกออนไลน์ ส่วนกระสุนดังกล่าวจะมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมหรือมาจากบุคคลอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถยืนยันได้เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบหัวกระสุนที่เก็บได้จากบาดแผลของตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บก่อน"

ซึ่งขณะนี้ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างการนำเศษกระสุนที่เก็บได้ไปตรวจสอบว่าเป็นลักษณะหัวกระสุนประเภทใด มีลักษณะเฉพาะของปากกระบอกปืนตรงกับฐานข้อมูลของผู้ครอบครองหรือคดีต่างๆที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่ และจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงและจุดเกิดเหตุเพื่อหาว่าผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวเป็นบุคคลใด

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากระสุนดังกล่าวอาจเป็นกระสุน R.I.P. หรือกระสุนหัวกระจาย ที่จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนจริงยิงเท่านั้น ซึ่งจะเกินกำลังของอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุความวุ่นวายในพื้นที่ดินแดงนำมาใช้ เนื่องจากมีราคาแพง และหาได้เฉพาะบางแหล่งจำหน่ายเท่านั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ ระบุว่า ขณะนี้จากการตรวจสอบยังไม่สามารถยืนยันในเรื่องดังกล่าวได้ ว่ากระสุนที่ใช้เป็นกระสุนประเภทใด เนื่องจากต้องรอให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเศษกระสุนที่พบรวมถึงการเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุมาประกอบว่าจะเป็นกระสุนปืนประเภทใด ทั้งนี้ที่ผ่านมาในพื้นที่เกิดเหตุย่านแฟลตดินแดงและถนนวิภาวดีรังสิต พบว่าการใช้กระสุนจริงกับตำรวจ แต่ไม่พบกระสุนตามที่มีกระแสข่าวในการชุมนุม ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดดังกล่าวเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ช่วงก่อนเกิดเหตุสิบตำรวจตรีเดชวิทย์ กำลังเข้าไปควบคุมพื้นที่ในจุดเกิดเหตุร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าจะมีการใช้ความรุนแรง หรืออาวุธหนักรุนแรง หรือมีเรื่องขัดแย้งกับบุคคลใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเตรียมจะความดีความชอบการที่เกิดขึ้น และจะพิจารณาเพิ่มอุปกรณ์ป้องกันให้กับตำรวจควบคุมฝูงชนทุกนายหลังสถานการณ์การใช้ความรุนแรงในพื้นที่มีมากขึ้น

ทั้งนี้ทราบว่ามารดาของตำรวจตรีเดชวิทย์ ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่พอใจกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ทำให้ลูกชายของตนเองต้องบาดเจ็บสาหัสจนถึงขณะนี้ จะได้เข้าไปทำความเข้าใจกับมารดาและครอบครัวของสิบตำรวจตรีเดชวิทย์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

ด้าน พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า อาการล่าสุดของตำรวจที่ถูกยิง ได้รับการผ่าตัดนำหัวกระสุนออก ซึ่งหลังจากการผ่าตัด ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว และยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เริ่มมีอาการตอบสนองทางระบบประสาท ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจไว้ อีกทั้งต้องได้รับการเฝ้าระวังการหายใจและอาการหลังผ่าตัด รวมถึงการติดเชื้อจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ในหอผู้ป่วยวิกฤต

สำหรับในเรื่องของการดูแลด้านสวัสดิการด้านต่างๆ รองโฆษกตร. เปิดเผยว่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีความห่วงใย และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดูแลข้าราชการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บทุกนายอย่างเต็มกำลังความสามารถ