"ประยุทธ"ปัดเอื้อ จนท.รัฐ! ปมถูก ป.ป.ช.ชี้มูลออกเอกสารสิทธิมิชอบ

"ประยุทธ"ปัดเอื้อ จนท.รัฐ! ปมถูก ป.ป.ช.ชี้มูลออกเอกสารสิทธิมิชอบ

“ประยุทธ มหากิจศิริ” ร่อนเอกสารชี้แจงสื่อ หลัง “ป.ป.ช.” ชี้มูลเอื้อ จนท.รัฐออกเอกสารสิทธิมิชอบ กระบี่-โคราช ยันไม่เคยสนับสนุนให้กระทำผิด คืนที่ดินบางส่วนในสนามกอล์ฟตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินแล้ว ส่วนที่กระบี่ยังไม่เคยทำประโยชน์อะไร พร้อมสู้ตามกระบวนการกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 นายประยุทธ มหากิจศิริ นักธุรกิจชื่อดัง และครอบครัวมหากิจศิริ ส่งเอกสารชี้แจงสื่อมวลชน กรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด 2 สำนวน กรณีกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบใน 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.กระบี่ จำนวน 66 ไร่เศษ และ 2.สนามกอล์ฟในนครราชสีมา จำนวน 189 ไร่เศษ สรุปสาระสำคัญได้ว่า 2 กรณีดังกล่าวมีการกล่าวหาตน และพาดพิงมายังครอบครัวและกิจการของตน อันอาจทำให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนว่าตนและครอบครัวมีส่วนร่วมกระทำความผิดและดำเนินธุรกิจโดยมิได้เคารพต่อกฎหมาย

อ่านข่าว : ผ่าอาณาจักรหมื่นล.“มหากิจศิริ”-ป.ป.ช.ฟัน“ประยุทธ”ออกเอกสารสิทธิมิชอบ?

 

นายประยุทธ ระบุว่า เพื่อความถูกต้องจึงขอชี้แจงว่า ในการประกอบอาชีพธุรกิจยึดถือความสุจริตและเคารพต่อกฎหมายบ้านเมืองมาโดยตลอด มิเคยมีพฤติกรรมใด ๆ ในการสนับสนุน ส่งเสริมบุคคลใด หรือเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใดละเมิดหรือกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน และไม่เคยใช้อิทธิพลทางการเมืองใด ๆ เอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนโดยมิชอบแต่อย่างใดทั้งสิ้น

“ที่ข้าพเจ้าถูกกล่าวหา 2 กรณีดังกล่าว ข้าพเจ้าและครอบครัวยืนยันว่า ข้าพเจ้าไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไม่เคยใช้ หรือสนับสนุนผู้ใด เจ้าหน้าที่รัฐคนใดให้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา การดำเนินการรังวัดที่ดินทุกแปลงของข้าพเจ้าซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ดำเนินการไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐตามอำนาจหน้าที่ เป็นดุลพินิจและการดำเนินการโดยอิสระของเจ้าหน้าที่รัฐ ยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ ข้าพเจ้าในฐานะเอกชนไม่เคยมีพฤติการณ์หรือการกระทำใด ๆ ในการไปสนับสนุน หรือใช้ให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับข้าพเจ้าแต่อย่างใด” นายประยุทธ ระบุ

นายประยุทธ ระบุอีกว่า ขอยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนายึดถือเอาที่ดินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐในลักษณะป่าสงวนก็ดี เขตป่าหวงห้ามใด ๆ หรือเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) ที่มีการครอบครองโดยมิชอบมาเป็นของตนแต่อย่างใดทั้งสิ้น การรังวัดสอบเขต แบ่งแยก และรวมโฉนด หรือการออกเอกสารสิทธิใด ๆ ให้แก่ตน หรือบริษัทฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว ตนไม่มีอำนาจในการบังคับ สั่งการ ใช้หรือสนับสนุนการกระทำใด ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตน หากปรากฏว่ากรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนการรังวัดที่ดินแปลงใดว่ามีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายแล้ว เห็นว่า ต้องมีการแก้ไขและเรียกที่ดินคืนส่วนที่ผิดพลาดหรือมีการรังวัดทำให้บริษัทที่ตนเป็นกรรมการบริหารได้เนื้อที่ดินเพิ่มขึ้น ตนและบริษัทที่เกี่ยวข้องยินดี และได้ดำเนินการแก้ไขเพื่อคืนเนื้อที่แก่หน่วยงานรัฐตามที่อธิบดีกรมที่ดินไดมีคำสั่งให้แก้ไขไปทุก ๆ แปลง โดยไม่เคยขัดข้อง อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาบริสุทธิ์

นายประยุทธ ระบุด้วยว่า กรณีที่ดิน อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา บริษัทฯมีการคืนที่ดินตามที่อธิบดีกรมที่ดินแจ้งว่า มีบางส่วนไม่ถูกต้องอันเกิดจากความผิดพลาดในการรังวัดของเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินนั้น กลับคืนเป็นที่ดินของรัฐหมดแล้ว ส่วนที่ดิน จ.กระบี่ ตนซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย จากอดีตข้าราชการอัยการท่านหนึ่ง โดยเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 ก. แล้ว ต่อมามีการรังวัดขอออกเป็นโฉนดที่ดิน มีการยื่นคำร้องขอออกโฉนดตามระเบียบและกฎหมายที่ดิน มีการรังวัดออกโฉนดถูกต้อง มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใดทั้งสิ้น และที่ดินดังกล่าวซื้อมาตั้งแต่ปี 2544 ยังมิได้นำที่ดินมาใช้พัฒนาหรือใช้ประโยชน์ทางุรกิจแต่อย่างใด ยังคงเป็นที่ดินเปล่า ให้คนเฝ้าดูแลที่ดินไว้เท่านั้น หากอธิบดีกรมที่ดินเห็นว่าไม่ถูกต้อง ตนยินดีเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ

“ข้าพเจ้าเป็นผู้บริหาร เคารพต่อกฎหมายและดุลพินิจในการดำเนินการตามหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบและกล่าวหาข้าพเจ้า ยินดีที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าข้าพเจ้ามิได้กระทำความผิดหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด” นายประยุทธ ระบุ