รัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยานักเรียน คืบหน้า 87.80% เกือบ 11 ล้านคน

รัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยานักเรียน คืบหน้า 87.80% เกือบ 11 ล้านคน

โฆษกรัฐบาล เผยรัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยานักเรียนคืบหน้า 87.80% เกือบ 11 ล้านคน ตามข้อสั่งการ ”นายกฯ” ขณะที่ ศธ.และสธ. เตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียนแสดงความจำนงแล้ว 71.67%

วันนี้ (29 ก.ย.64) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้า การเยียวยานักเรียน ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ และอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนเยียวยาและลดผลกระทบทางการศึกษา ให้กับสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา

มีวงเงิน 23,000 ล้านบาท ด้วยการเยียวยานักเรียนทุกคน ทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการทั้งภาครัฐและเอกชน

รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564  โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รายงานการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาครอบคลุมเด็กนักเรียนทั้งใน และนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วทั้งสิ้น 10,952,000 ล้านคน จากเป้าหมาย 11 ล้านคน คิดเป็น 87.80% 

 

โดยโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับทั้งหมด 97.75%  ที่เหลือได้ทยอยดำเนินการส่งมอบต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการช่วยลดภาระค่าใช้ผู้ปกครองในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของการฉีดวัคซีนก็คืบหน้าไปอย่างมากเช่นกัน โดย ศธ.ได้วางแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน นักศึกษาในสังกัดทั้งของรัฐและเอกชน ที่มีอายุ 12-18 ปี โดยล่าสุด (27 กันยายน) พบว่ามีผู้สมัครใจฉีดวัคซีนจำนวน 3.61 ล้านคน จากทั้งสิ้น  5,048,081 คนคิดเป็น 71.67% 

ทั้งนี้  ยังจะได้รวบรวมจำนวนเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองให้ความยินยอมแล้วเพิ่มเติม และจะจัดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีน เพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามมาตรการช่วยเหลือเด็กนักเรียน/ผู้ปกครอง พร้อมกำชับกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิดโดยเงินทุกบาทต้องถึงมือผู้ปกครอง ตรงตามวัตถุประสงค์

ขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้ ศธ. และ สธ. รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กมีความปลอดภัยและได้รับมาตรฐานองค์การอนามัยโลก และ อย. เพื่อให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กนักเรียน/เยาวชน ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอบครอบคลุมมากที่สุด รองรับการผ่อนคลายมาตรการและให้การเรียนการสอนในภาคเรียนต่อไปกลับมาสู่รูปแบบปกติทั่วประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด