ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง 14.50 ดอลล์เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง 14.50 ดอลล์เหตุบอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

ราคาทองฟิวเจอร์ดิ่ง ปิดวันอังคาร(28ก.ย.)ปรับตัวลง 14.50 ดอลลาร์ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 14.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,737.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ขณะที่ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.54% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.

 การดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้แรงหนุนจากปัจจัยความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกต่อการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี

ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อสภาคองเกรสในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 "สิ่งที่ผมกล่าวในสัปดาห์ที่แล้วก็คือ เรายังไม่ผ่านการทดสอบสำหรับการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน และผมกล่าวอย่างชัดเจนว่าเรายังคงห่างไกลจากการผ่านการทดสอบเรื่องการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ" นายพาวเวลกล่าว

ทั้งนี้ นายพาวเวลและนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ก่อนที่จะกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดี เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำนักข่าวหลายแห่งได้ทำการเผยแพร่ล่วงหน้าสำหรับร่างแถลงการณ์ที่นายพาวเวลและนางเยลเลนเตรียมกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้

สื่อรายงานว่าแถลงการณ์ของนายพาวเวลและนางเยลเลนจะระบุเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และสหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้

ร่างแถลงการณ์ของนายพาวเวลระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และเฟดจะดำเนินการหากเงินเฟ้อยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

"เงินเฟ้อได้เร่งตัวขึ้นในขณะนี้ และมีแนวโน้มยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะอ่อนตัวลง"

"ขณะที่สหรัฐทำการเปิดเศรษฐกิจและเพิ่มการใช้จ่าย เราก็ได้เห็นแรงกดดันของราคาในช่วงขาขึ้น อันเนื่องจากการเกิดภาวะคอขวดของอุปทาน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้รุนแรงขึ้นและกินเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่จะบรรเทาลงในที่สุด และเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลงสู่เป้าหมายระยะยาวของเราที่ 2%" แถลงการณ์ระบุ