‘ดาวโจนส์’เพิ่ม 338 จุดหลังเฟดส่งสัญญาณลดวงเงินQEเร็วๆนี้

‘ดาวโจนส์’เพิ่ม 338 จุดหลังเฟดส่งสัญญาณลดวงเงินQEเร็วๆนี้

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(22ก.ย.)พุ่งขึ้น 338 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินคิวอีในไม่ช้า และขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565

 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 338.48 จุด หรือ 1.0% ปิดที่ 34,258.32 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 4,395.64 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 150.45 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 14,896.85 จุด

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565
 

ในวันนี้ บริษัทเหิงต้า เรียล เอสเตท กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอเวอร์แกรนด์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นว่า บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ในการเจรจาเกี่ยวกับแผนการชำระดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568

อย่างไรก็ดี เหิงต้าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระดอกเบี้ยที่มีการเจรจากับเจ้าหนี้ในวันนี้

นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ไม่ได้ระบุถึงการชำระดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ที่จะครบกำหนดในวันนี้ โดยเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565
 

ขณะเดียวกัน เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567

นักวิเคราะห์เตือนว่า หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด ก็จะทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกในตลาดหุ้น เนื่องจากจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน แม้ว่าโดยหลักการแล้ว บริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้

ขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ในไม่ช้า จากปัจจุบันที่เฟดทำคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

“หากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้เอฟโอเอ็มซีก็มีความเห็นว่าการปรับลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า” แถลงการณ์ของเฟดระบุ