ประยุทธ์ตรวจสถานการณ์นำชัยนาท พร้อมฟังส.ส. ดูแลคนไทยไม่แบ่งแยก

ประยุทธ์ตรวจสถานการณ์นำชัยนาท พร้อมฟังส.ส. ดูแลคนไทยไม่แบ่งแยก

"ประยุทธ์" ควง "มท.1" ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ ชัยนาท เผย พร้อมรับฟัง ส.ส.ในพื้นที่ ดูแลทั้งประเทศไม่แบ่งแยก ชี้ พิจารณาตามความเร่งด่วน ต้องโปร่งใส ไร้ทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารมว.มหาดไทย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายอนุชา บูรพชัยศรีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นายสมเกียรติ ประจำวงษ์เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่จ.ชัยนาท เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำในเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อเตรียมรับน้ำเหนือหลากและวางแผนป้องกันพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง เขื่อนเจ้าพระยาอ.สรรพยา จ.ชัยนาท

โดยนายกฯ ระบุตอนหนึ่งว่า วันนี้ได้มาเยี่ยมชาวชัยนาท และมารับฟังคำชี้แจงจาก สทนช. ซึ่งเป็นผู้บริหารน้ำภาพรวมของทั้งประเทศ รวมไปถึงรับฟังความคิดเห็นจาก ส.ส ในพื้นที่ เพราะรัฐบาลมีความห่วงใย และต้องดูแลคนทั้งประเทศ  ไม่มีการแบ่งแยก เพราะเป็นรัฐบาลต้องดูแลคนทั้งประเทศ ต้องพิจารณาตามลำดับความเร่งด่วน และให้เป็นไปตามกฎหมาย โปร่งใส ไม่มีการทุจริต และตรงต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง 

ประยุทธ์ตรวจสถานการณ์นำชัยนาท พร้อมฟังส.ส. ดูแลคนไทยไม่แบ่งแยก

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ผมก็มีความพอใจที่ทางฝ่ายการบริหาร ได้ชี้แจง ทั้งน้ำทางตอนเหนือตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ซึ่งมีการตัดยอดน้ำออกไปยังพื้นที่ด้านข้าง จนกระทั่งมวลน้ำเหลือมายังพื้นที่นี้ หากมีการระบายน้ำในพื้นที่นี้ลดลง ไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์ เพื่อจะไม่ส่งผลกระทบในพื้นที่ลุ่มต่ำ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ฝากความห่วงใยไปยังประชาชนทุกคน แม้ว่าวันนี้จะไม่มีโอกาสพบกันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดตอนนี้ คือ โควิด โดยต้องเน้นมาตรการ DMHTT สวมหน้ากากอนามัย และเน้นเรื่อง การเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด ที่ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

ประยุทธ์ตรวจสถานการณ์นำชัยนาท พร้อมฟังส.ส. ดูแลคนไทยไม่แบ่งแยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายกฯ พูดอยู่นั้น ก็ได้จามออกมา ก่อนจะรีบปฏิเสธว่าไม่ได้ป่วยเป็นอะไร ได้ตรวจโรคแล้ว ตนแพ้อากาศ เพราะที่นี่อากาศชื้น

ประยุทธ์ตรวจสถานการณ์นำชัยนาท พร้อมฟังส.ส. ดูแลคนไทยไม่แบ่งแยก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของปริมาณน้ำในเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำเก็บกักรวม9,800 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่าง ในปัจจุบัน สามารถรองรับน้ำได้อีก15000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยแยกเป็นพื้นที่ 4 เขื่อน โดยในปัจจุบันเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำกว่าล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีก 8 พันล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนสิริกิต์ มีปริมาณน้ำ 3,834 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 40 ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 5,646 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งทั้งสองคืนนี้อยู่เหนือเขื่อนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่วนอีก 2 เขื่อนหลักซึ่งเป็นเขื่อนใหญ่ ของลุ่มน้ำเจ้าพระยาประกอบด้วยเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำอยู่ 537 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่าง รับน้ำที่อีก 400 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำ 255 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 20 ของความจุอ่าง รับน้ำได้อีก 705 ล้านลูกบาศก์เมตร