อัดงบสธ.ล้มเหลว-ไร้ประสิทธิภาพ 'อดีตรมช.สธ.' จี้ คืนอำนาจระดับกระทรวง

อัดงบสธ.ล้มเหลว-ไร้ประสิทธิภาพ 'อดีตรมช.สธ.' จี้ คืนอำนาจระดับกระทรวง

ถกงบวันที่4 อัดงบสธ.ล้มเหลว-ไร้ประสิทธิภาพ อดีตรมช.สธ.จี้คืนอำนาจระดับกระทรวง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระสอง วันที่สี่ พิจารณาต่อในมาตรา 25 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงสาธารสุข จำนวน 37,543 ล้านบาท

โดยสมาชิกที่เสนอคำแปรญัตติ และกมธ.ที่สงวนความเห็นได้ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบที่ควรจะเป็นไปอย่างคุ้มค่าโดยเฉพาะในสภาวะที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคโควิด19

อาทินายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  อภิปราย แปรญัตติขอปรับลดงบ5% พร้อมระบุว่า จากความล้มเหลวในการจะสรรงบประมาณ ทำให้วันนี้เราเห็นภาพบุคลากรทางการแพทย์ มีการโพสต์ขอรับบริจาคซึ่งตนคงไม่ไปตำหนิบุคลากรทางการแพทย์เหล่านั้น แต่เห็นว่า ขณะนี้มีการเบิกจ่ายงบที่เป็นไปอย่างล่าช้า

ดังนั้นจึงขอแปรญัตติปรับลดงบที่ไม่ไม่จำเป็นเพื่อนำไปจัดสรรช่วยเหลือในเรื่องการจัดซื้อบุคคลากรทางการแพทย์และเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรเหล่านั้น

ขณะที่การจัดสรรวัคซีนเวลานี้ยังเป็นไปอย่างสะเปะสะปะไร้นโยบายที่ชัดเจน จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลงมาดูรายละเอียดตามยุทธศาสตร์ที่ประกาศไว้เพื่อให้ประชาชนได้รับการจัดสรรที่เท่าเทียมต่อไป

ด้านนายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย  อภิปรายแปรญัตติขอปรับลดงบ1%จำนวน360ล้านบาท เนื่องจากวันนี้กระทรวงสาธารณะสุขกำลังตกเป็นจำเลยของสังคม การจัดสรรวัคซีนที่ไม่ตอบโจทย์ในสภาวะพิเศษ แต่สธ.มีการจัดสรรเหมือนประเทศอยู่ในสภาวะปกติ ทำให้ปัจจุบันต้องมีการกู้เงินมาซื้อวัคซีน ซึ่งสธ.ต้องร่วมรับผิดชอบจะไปโทษ ศบค.หรือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอย่างเดียวไม่ได้

ฉะนั้นการแปรญัตติขอปรับลดงบจำนวน360ล้านเพราะเห็นว่าแผนงานที่สธ.เสนอมามีการทุ่มไปกับงบที่ไม่จำเป็น มีการนำงบไปซื้อที่ดิน และการซื้อวัสดุก่อสร้าง วันนี้รมว.สธ.กำลังหลอกลวงชาวบ้านว่าฉีดวัคซีนเต็มแขน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น การที่มีการระบุว่าสกลนครไม่ต้องฉีดให้ไปตากแดดที่ภูพานเอาถือว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

ดังนั้นจากสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแผนจนวันนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า1ล้านคน จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าจะต้องมีการปรับลดงบที่ไม่จำเป็น

เช่นเดียวกับนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย อดีตรมช.สาธารณะสุข แปรญัตติปรับลดงบ5%เนื่องจากสธ.ได้รับงบพิเศษจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน1ล้านล้าน ซึ่งสธ.ได้รับ4.5หมื่นล้านเวลานี้ยังใช้ไม่หมด ขณะที่พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านสธ.ได้รับ3หมื่นล้าน

อย่างที่เราทราบกันว่า ระบบสาธารณะสุขไทยเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกแต่เมื่อเจอปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 กลับประสบปัญหาวัคซีนไม่เพียงพอบางแห่งเลื่อนฉีด บางแห่งหยุดฉีดขณะที่คุณภาพวัคซีนหลักของประเทศเวลานี้ต้องยอมรับว่าด้อยกว่าประเทศอื่นอย่างที่มีการระบุว่าเป็นการแทงม้าตัวเดียว

จากการบริหารงานที่เกิดความสับสนจึงเสนอให้มีการคืนอำนาจบริหารจัดการกลับไปที่กระทรวงสาธารณะสุขซึ่งตนมั่นใจในบุคคลาการทางการแพทย์ที่เคยกำกับดูแลว่าจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ