'เคทีซี' ยกการ์ดสูงครึ่งปีหลัง สัญญานร้าย 'ลูกหนี้ดี พักจ่าย'

'เคทีซี' ยกการ์ดสูงครึ่งปีหลัง  สัญญานร้าย 'ลูกหนี้ดี พักจ่าย'

"เคทีซี" ชี้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจยังย่ำแย่ หากไร้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกต้อง เสี่ยงกระทบลูกค้า หลังพบสัญญาณลูกหนี้ที่ดี ขอความช่วยเหลือพักหนี้ 2 เดือน มากขึ้น แต่ยังมั่นใจกำไรปีนี้ทำนิวไฮ แม้ครึ่งปีหลังผลงานอ่อนตัวลง

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC  มองว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน จนนำมาสู่มาตรการล็อคดาวน์จนถึงสิ้นเดือนส.ค.นี้ ซึ่งส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ที่ยังจะย่ำแย่ต่อเนื่อง

โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลหลังจากนี้ ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกต้องเข้ามาเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการหรือร้านค้าให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานเป็นสิ่งที่สำคัญ

“หากรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกต้อง ก็ไม่คิดว่าเศรษฐกิจจะเดินไปได้  เพราะตอนนี้ผลกระทบไปยังการจ้างงาน และแน่นอนว่า ลูกค้าของเราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย”

คุณภาพลูกหนี้ย่ำแย่ตามศก. 

นายระเฑียร ยอมรับว่า คุณภาพพอร์ตลูกหนี้ของ เคทีซี ครึ่งปีหลัง 2564 จะแย่ลงกว่าช่วงครึ่งปีแรก แม้นโยบายบริษัทยังคงเน้นการรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ โดยเข้มงวดในการอนุมัติและเพิ่มการตั้งสำรองให้สูงพอสมควร เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งมาตรการของบริษัทและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่พบว่าลูกค้าของเคทีซียังได้รับผลกระทบมากขึ้น

“ก.ค. และ ส.ค. เคทีซี ได้เห็นสัญญาณลูกหนี้ที่ดี ซึ่งไม่คิดว่าจะต้องขอความช่วยเหลือ แต่เข้ามาขอความช่วยเหลือในมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือนของแบงก์ชาติมากขึ้น”

ณ 15 ส.ค. 2564 มีลูกค้า เคทีซี ขอเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน รวม 13,370 ราย แบ่งเป็นบัตรเครดิต 8,465 ราย สินเชื่อส่วนบุคคล 4,905 ราย เพิ่มขึ้นจาก ณ  29 ก.ค. 2564  มีจำนวนรวมเพียง 4,130 ราย 

“สัญญาณลูกหนี้ที่มาขอความช่วยเหลือในมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน สะท้อนภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ที่หนักหน่วง ซึ่งแบงก์ชาติก็คงเห็นเช่นกัน เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีการกู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่เงินจะต้องใช้ไปใน sector ที่ถูกต้อง ถ้ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ผล น่าจะลดผลกระทบที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้”    

ครึ่งปีแรกกำไร 3.3 พันล้าน

ด้านแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปีนี้ นายระเฑียร กล่าวว่า กำไรในปีนี้จะทำสถิติใหม่อีกครั้ง โดยครึ่งปีแรกมีกำไร 3,352 ล้านบาท แต่บริษัทจะทำกำไรในระดับไหน ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 1-2 เดือนนี้ก่อน เพราะแนวโน้มในครึ่งปีหลังผลกระทบมีมากกว่าในครึ่งปีแรก 

แต่บริษัทยังมีมุมมองเชิงบวกต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวมที่มุ่งคุมหนี้เสีย คุมคุณภาพพอร์ตให้ดี ตลอดจนเน้นขยายสินเชื่อที่มีหลักประกันมากขึ้น เพื่อรักษากำไรให้เป็นไปตามที่คาดไว้ 

ส่วนแผนธุรกิจในปีหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ยังต้องรอดูว่าภาครัฐจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ และจะพยายามแก้เกมทางธุรกิจซึ่งตอนนี้บริษัทมีการวางแผนภายในเตรียมการไว้ 2-3 อย่างแล้ว 

ครึ่งหลังยกการ์ดสูง

ขณะที่ในครึ่งปีหลัง 2564  นายระเฑียร กล่าวว่า บริษัทยังดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เน้นคุมคุณภาพหนี้ ไม่เน้นการเติบโตมากนัก  โดยบริษัทคาดว่า ยังคงตั้งสำรองไตรมาส 3 ปี2564 จะสูงกว่าไตรมาส 2 ปี 2564 ทำให้กำไรไตรมาส 3 ปี 2564 จะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองเครดิตเพิ่มขึ้น  

แต่บริษัทยังต้องควบคุมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยในไตรมาส 3 ปี 2564 จะตัดจำหน่ายหนี้สูญ(write-off) ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อรายย่อย ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจ กำลังดำเนินการปรับโครงสร้าง แต่อย่างไรก็ตามหนี้เสียรวมจาก บริษัทกรุงไทยลิสซิ่ง ที่มี 2,200 ล้านบาท เคทีซีตั้งสำรองเต็มจำนวน่เรียบร้อยแล้ว

โดยไตรมาส 2 ปี 2564 เอ็นพีแอลอยู่ที่ 4.4% เพิ่มขึ้นจากการนับรวมพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อจาก กรุงไทยลิสซิ่งเข้ามา ขณะที่เอ็นพีแอลของธุรกิจบัตรเครดิต และ สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 1.5% และ 3.0% ตามลำดับ   

ใช้จ่ายบัตรเครดิตติดลบ

นายระเฑียร คาดการณ์ว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2564 จะยังคงติดลบ เนื่องจากในเดือนก.ค. ติดลบราว 10% และในเดือน ส.ค. ยังเห็นการติดลบอยู่ สาเหตุมาจากผลกระทบโควิดที่รุนแรงขึ้นและมีมาตรการล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือน ส.ค.ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะหมวดการท่องเที่ยว และร้านอาหาร ส่วนหมวดโรงพยาบาล ประกัน ซุปเปอร์มาร์เก็ต และช้อปปิ้งออนไลน์ ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง  

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้าหมายยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรดิตปีนี้ เติบโตที่ 8% จากปีก่อน โดยในช่วงปลายไตรมาส 3 ต้นไตรมาส 4 จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะทำการตลาดอย่างไรต่อไป เพราะยังไม่มั่นใจว่ากำลังซื้อจะมีโอกาสกลับมามากน้อยแค่ไหน และจากการหารือกับพันธมิตรร้านค้าก็ยังไม่มีความมั่นใจในสถานการณ์ไตรมาส 4  ปีนี้ จะคุมการแพร่ระบาดโควิดได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากสถานการณ์ดีขึ้นทางพันธมิตรร้านค้าก็พร้อมทำการตลาด 

ดังนั้นบริษัทได้เตรียมความพร้อมวางกลยุทธ์ทำตลาดบัตรตเครดิตในไตรมาส 4 ปีนี้ เป็นการภายในเอาไว้แล้ว ยังเน้นการทำตลาดแคมเปญต่างๆ ในหมวดที่จำเป็นในชีวิตประจำวันและมีการเติบโตดี โดยพยายามมองหาลูกค้าในแต่ละกลุ่มที่ยังมีความต้องการใช้จ่ายต่อเนื่อง นำไปจับคู่กับพันธมิตรร้านค้าต่างๆที่ยังพร้อมสนับสนุนในเชิงการตลาดได้ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถจับจ่ายด้วยเงินที่จำกัดแต่ยังคุ้มค่าอยู่ 

คาดหวังว่า ในช่วงปลายปีเป็นช่วงเทศกาลที่คนจำเป็นต้องจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้วและด้วยกลยุทธ์ทำตลาดดังกล่าวจะผลักดันให้ยอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตของบริษัทยังเติบโตได้ ถึงแม้เศรษฐกิจจะกลับมาหลังคุมโควิดรอบนี้ได้แต่กำลังซื้อจะยังอ่อนตัวลงมาก เพราะคนยังระมัดระวังและควบคุมการใช้จ่ายอยู่ก็ตาม 

รุดช่วยลูกหนี้สินเชื่อบุคคล

ส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล เคทีซีพราว เน้นการคุมพอร์ตให้มีคุณภาพต่อเนื่องและช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบตามมาตรการต่างๆ ควบคู่กับการสนับสนุนงวงเงินให้ลูกค้ายังมีเงินใช้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องมากขึ้น และสามารถจ่ายคืนหนี้ได้ตรงเวลา เพื่อให้สามารถเข้ามาเคลียร์หนี้ได้ในอนาคต  

"ผลกระทบมาตรการล็อกดาวน์คุมโควิด แม้ทำให้จำนวนลูกค้าใหม่ในปีนี้ลดลง โดยเฉพาะช่องทางเอาท์ซอร์ท แต่ส่วนใหญ่มาจากช่องทางธนาคาร ยังขยายได้ดี และยังเข้มงวดในการอนุมัติ หลังปรับลดดอกเบี้ยจาก 18% มาอยู่ที่ 16%  ทำให้ยอดลดลง แต่พบว่ากลุ่มลูกค้าระดับกลางและสูง ยังเข้ามาและได้รับการอนุมัติ ทำให้พอร์ตใหม่ไม่ได้ลดลงมาก และในปีนี้เราเองไม่ได้เน้นเติบโตมากเท่าคุมคุณภาพพอร์ตที่ต้องทำต่อเนื่องจากปีก่อน”  

รอโควิดคลี่ตลาย ดันสินเชื่อ 'เคทีซีพี่เบิ้ม'

ส่วนธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียน หรือ เคทีซีพี่เบิ้ม ซึ่งเป็นสินเชื่อมีหลักประกันที่เริ่มเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจนั้น ถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดคลี่คลายและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ น่าจะขยายตลาดต่อไปได้ตามเป้าหมาย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ปรับลด เพียงแต่ยังขยายตลาดไม่ได้ เพราะโควิดทำให้เราเข้าไปพบลูกค้าไม่ได้ 

ผนึกกรุงไทย เริ่มทดลองตลาดลิสซิ่ง

สุดท้ายธุรกิจลีสซิ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองกลับมาทำธุรกิจอีกครั้งหลังจากหยุดทำธุรกิจใน 3-4 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเช่าซื้อรถ ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อไม่มาก เป็นการทดลอง ขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ร่วมกับธนาคารกรุงไทยเป็นหลัก