ประสิทธิผล’ซิโนแวค’ยังคงที่ ช่วงเจอ’อัลฟา-เดลตา’ระบาด

ประสิทธิผล’ซิโนแวค’ยังคงที่ ช่วงเจอ’อัลฟา-เดลตา’ระบาด

สธ.เปิดผลศึกษาประสิทธิผลการใช้จริงกลุ่มบุคลากรฯ  ‘วัคซีนซิโนแวค’ป้องกันติดเชื้อ 72 % ป้องกันป่วยหนัก-เสียชีวิต 98 %  แนวโน้มยังคงที่แม้เจอไวรัสกลายพันธุ์ ‘อัลฟา’-‘เดลตา’ระบาด ขณะที่แอสตร้าฯ 1 เข็ม 88 % ส่วน 2 เข็มอยู่ที่ 96 %

        เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ส.ค. 2564 ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 ประเด็น “ประสิทธิผลวัคซีนในประเทศไทย”นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การศึกษาประสิทธิผลการใช้วัคซีนโควิด 19 ฉีดในประเทศไทย จะเป็นวัคซีนหลักคือวัคซีนของบริษัทซิโนแวค  ฉีด 2 เข็มห่างกัน 3 สัปดาห์ และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ห่างกัน 8-12 สัปดาห์  ที่ผ่านมาการดูประสิทธิภาพวัคซีน ส่วนใหญ่จะเป็นการดูจากการทดลองทางคลินิกในประเทศอื่นๆ ซึ่งลักษณะการระบาด สายพันธุ์ก็จะแตกต่างจากประเทศไทย    

         ส่วนความก้าวหน้าจากการใช้วัคซีนในประเทศไทย ซึ่งการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยจริงเป็นอย่างไร โดยในปี 2564 มีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์  ช่วงปี 2563 เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม ปลายปีที่จ.สมุทรสาครเป็นอีกสายพันธุ์ ปี 2564 ช่วงเม.ย.สายพันธุ์อัลฟา และช่วงเดือนพ.ค.ถึงปัจจุบันเป็นสายพันธุ์เดลตา  ดังนั้น คณะทำงานการประเมินประสิทธิผลของการใช้จริงวัคซีนโควิด 19 กรมควบคุมโรค ได้ทำการศึกษาในการประเมินประสิทธิผลวัคซีนที่มีการฉีดในบุคลการทางการแพทย์ตั้งแต่เม.ย. ถึงปัจจุบัน ว่าเมื่อใช้จริงประสิทธิผลเป็นอย่างไร  

    

   

 ในการประเมินประสิทธิผลวัคซีนโดยการศึกษาในบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย ว่ามีการติดเชื้อเท่าไหร่ และสืบค้นว่าคนที่ติดเชื้อมีประวัติการได้รับวัคซีนอะไร อย่างไร  โดยผลการประเมินประสิทธิผลวัคซีนในคุลากรทางการแพทย์ของประเทศไทย ในส่วนของวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม โดยทำการศึกษาตั้งแต่ 1 พ.ค.ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 พบบุคลกรทางการแพทย์ที่ทำงานในสถานพยาบาลหรือสถานที่ต่างๆ มีการติดเชื้อ จำนวน 3,906 คน  นำมาศึกษาดูว่ามีประวัติการได้รับวัคซีนอย่างไร และมีการเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยการสร้างแบบตัวเปรียบเทียบขึ้นมาจากฐานที่มีการฉีดวัคซีนในประเทศไทย

       ผลเบื้องต้นพบว่าในบุคลกรฯที่ติดเชื้อ ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มนานเกิน 14 วัน จำนวน 2,154 ราย  และกลุ่มเปรียบเทียบที่ติดเชื้อและไมได้ฉีดวัคซีนมาก่อน 598 ราย  ซึ่งประสิทธิผลของการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เท่ากับ 98 % แต่หากมองในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ พบว่า วัคซีนซิโนแวค 2 เข็จะสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 72 %

        และเมื่อจำแนกประสิทธิผลรายเดือน พบว่า พ.ค. 71 % มิ.ย. 74 % และก.ค. 71 %  จะเห็นว่าแนวโน้มประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มยังมาลดลงหรือแนวโน้มคงที่ ไม่ได้ต่ำกว่า 70 %  ซึ่งผลการศึกษานี้สอดลคล้องกับทุกการศึกษาในต่างประเทศและทั่วโลกว่าวัคซีนมีประสิทธิผลทั้งป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจะมีประสิทธิผลสูงใกล้เคียง 100 %

  “ดังนั้น วัคซีนซิโนแวคที่ใช้ในประเทศไทย โดยการฉีด 2 เข็มก็ถือว่ายังมีประสิทธิผลดีทั้งในแง่ป้องกันการติดเชื้อและป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต  ทั้งนี้ สายพันธุ์ที่มีการระบาดในประเทศไทย ช่วงเม.ย.-มิ.ย.จะเป็นสายพันธุ์อัลฟา โดยก่อนหน้า 20 มิ.ย ส่วนใหญ่การระบาดในไทยเป็นอัลฟา 90 % หลังจากนั้นเดลตาเริ่มมีการสัดส่วนครองการระบาดมากขึ้น จนกระทั่งถึงสัปดาห์สุดท้ายของก.ค.กลายเป็นสายพันธุ์ส่วนใหญ่การระบาดในประเทศไทย 78 % แสดงให้เห็นว่าประสิทธิผลของวัคซีนซิโนแวคแม้มีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ ประสิทธิผลของการได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มก็ยังคงที่”นพ.ทวีทรัพย์กล่าว  

       สำหรับประสิทธิผลของการฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ซึ่งในประเทศไทยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่งได้รับการฉีด ดังนั้น ในแง่ประสิทธิผลของวัคซีนแอสตร้าฯจะเปรียบเทียบผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มกับ 1 เข็ม พบว่า ประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มอย่างน้อย 14 วันอยู่ที่ 96 % ส่วนผู้ที่ได้รับ 1 เข็มอย่างน้อย 14 วันอยู่ที่ 88 %

      “วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดการติดเชื้อ การป่วยรุนแรงและเสียชีวิต และวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ไม่ว่าเป็นซิโนแวคที่ฉีดครบ 2 เข็ม หรือแอสตร้าฯที่ฉีด 1 เข็มหรือ 2เข็ม ก็มีประสิทธิผลช่วยลดป่วยรุนแรงและเสียชีวิตที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และจากความครอบคลุมการฉีดวัคซีนยังค่อนข้างต่ำ ในผู้สูงอายุที่โอกาสป่วยรุนแรงและเสียชีวิตสูง เพราะฉะนั้นต้องช่วยเชิญชวนและพาผู้สูงอายุไปรับวัคซีน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการควบคุม ป้องกันการติดเชื้อ และลดการเสียชีวิตและป่วยรุนแรง”นพ.ทวีทรัพย์กล่าว