แบงก์ชี้ ‘กองทุนตราสารหนี้’ สุดฮอต รับเงินไหลเข้าลดเสี่ยง'คุ้มครองเงินฝาก'1ล้าน

แบงก์ชี้ ‘กองทุนตราสารหนี้’ สุดฮอต รับเงินไหลเข้าลดเสี่ยง'คุ้มครองเงินฝาก'1ล้าน

"แบงก์" เผยลูกค้าโยกเงินฝากเข้ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น 1 ปี  รับผลตอบแทนดี-ลดความเสี่ยงคุ้มครองเงินฝากเหลือ1ล้าน"กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ" ขาย"กรุงศรีโกลบอลฟิกซ์อินคัม 1Y2"มูลค่า 1 พันล้านหมดภายใน 2วัน เตรียมขายเพิ่ม"กรุงไทย"แนะจัดพอร์ตตราสารหนี้60%

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย(KTB) เปิดเผยว่า หลังจากเริ่มลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มพบว่า หลายกองทุนเริ่มทยอยออกกองทุนตราสารหนี้ ระยะสั้น 1 ปี โดยซึ่งเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศเพราะเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวและผลตอบแทนที่น่าสนใจมากกว่าเงินฝาก ซึ่งผู้ลงทุนให้การตอบรับที่ดีมากในช่วงนี้ สะท้อนว่า ยังมีความต้องการสูงของการโยกเงินฝากมาลงทุนเพิ่มผลตอบแทนและอาจลดความเสี่ยงจากการลดความคุ้มครองเงินฝาก

แต่อย่างไรก็ตามทางธนาคารยังคงแนะนำ ผู้ลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยง และสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ตามภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลาแนะนำว่า สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก คือ ต้องพยายามสร้างผลตอบแทนในกระแสเงินสด มีความเสี่ยงโอกาสขาดทุนต่ำ ความผันผวนของผลตอบแทนพอร์ตที่ต่ำ จัดพอร์ตการลงทุนที่มีความผันผวนราว 7% ต่อปี มีผลตอบแทนคาดหวัง3-5% ต่อปี แบ่งเป็น สัดส่วน 30-40% ลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ มีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย อาทิ ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน,ตราสารหนี้ไฮยิลด์และตราสารหนี้ในประเทศตลาดเกิดใหม่

ขณะเดียวกันสัดส่วนอีกสัดส่วน 20-30% ลงทนุในกองทุนตราสารหนี้ไทย มีนโยบายการลงทุนยืดหยุ่น และสัดส่วนอีก 40% ลงทุนในหุ้นคุณภาพหรือกองทุนหุ้นโลก ซึ่งในกองทุนหุ้นอาจแบ่ง 10% มาลงทุนในธีมที่น่าสนใจ เช่น หุ้นยุโรป ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และ กองทุนในธีมการลงทุนที่น่าสนใจ อาทิ พลังงานสะอาด ( Renewable Energy) , ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ( Climate Change ) , เทคโนโลยีรถไฟฟ้าอีวี( EV) เป็นต้น

นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์การโยกเงินจากเงินฝากมาลงทุน ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ และมีการคุ้มครองเงินต้น ล่าสุดทางธนาคารกรุงไทย ได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์การลงทุน “Krungthai SOLUX10F Luxury Index Linked Note” หุ้นกู้ที่มี อนุพันธ์แฝง อายุ 5 ปี อ้างอิงดัชนีหุ้นสินค้าและบริการระดับ Luxury ซึ่งเปิดโอกาส สร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ Luxury ชั้นนำทั่วโลกตามธีมการทยอยเปิดเมืองทั่วโลก อาจรับผลตอบแทนคาดหวัง ราว 3% ต่อปี พร้อมคุ้มครองเงินต้น 100% เมื่อถือจนครบกำหนดลงทุน

 “ในอนาคต เราประเมินว่า สถาบันการเงินจะแข่งขันกันออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความน่าสนใจและดึงดูดมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อผลตอบแทนน่าสนใจ นักลงทุนก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจถึงเงื่อนไขการสร้างผลตอบแทนของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน”

นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)หรือ  BAY  กล่าวว่า 10-16 ส.ค.กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟเปิดขาย“กองทุนตราสารหนี้”คือกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลฟิกซ์อินคัม 1Y2 (KFGFI1Y2)มูลค่า1,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้สนใจซื้อจำนวนมากทำให้ปิดการขายได้ภายใน2 วันเท่านั้น

ทั้งนี้อาจได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว เพราะกลุ่มลูกค้าเวลธ์ของธนาคารยังมีเงินฝากค่อนข้างมากและสะท้อนว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีการวางแผนทยอยโยกเงินฝากส่วนเกินวงเงินความคุ้มครองมาลงทุนในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้และยังพบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีความต้องการลงทุนในกองทุนประเภทนี้อีกค่อนข้างมาก ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาเตรียมเปิดขายกองทุนนี้หลังจากนี้

"กองทุนดังกล่าวได้การตอบรับที่ดี เพราะเป็นกองทุนประเภท Fixed Maturity Plan ที่มีลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศที่หลากหลาย กองทุนหลักจะลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุใกล้เคียงกัน และปิดความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1-1.4% ต่อปีหรือให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ 4 เท่าและเงินฝากประจำ 2 เท่า" 

ขณะเดียวกัน ธนาคารกำลังเตรียมจะออกแคมเปญการลงทุน เพื่อแนะนำกลุ่มวัยใกล้เกษียณและกลุ่มวันเกษียณ กระจายเงินฝากมาส่งลงทุนในกองทุนผสม เพื่อรับรายได้ประจำรายเดือน ผ่านกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลอินคัม KF-INCOMEโดยมีนโยบายการลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ที่เฉลี่ย 4-5 % ต่อเดือน

ส่วนผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ ผลิตภัณฑ์เงินฝากในกัมพูชา ผ่านธนาคารหัถตา ซึ่งเป็นธนาคารในเครือกรุงศรี ด้วยดอกเบี้ยเงินฝาก 3-3.3% ซึ่งสูงกว่าเงินฝากในไทย โดยลงทุนขั้นต่ำ 3 ล้านบาทขึ้นไป     

นายวิน กล่าวต่อว่า  ในส่วนผู้ที่ต้องการนำเงินฝากส่วนเกินมาลงทุนนั้น หากรับความเสี่ยงได้ต่ำ ควรลงทุนกองทุนตราสารหนี้ ประเภทมันนี่มาร์เก็ต ที่มีการลงทุนในเงินฝากหรือเทียบเท่าเงินฝาก ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและเอกชน ที่มั่นคง ระดับ A- ขึ้นไป ทำให้มีผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำ ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 0.5-2.5% ต่อปี แม้ช่วงระหว่างทางระยะสั้น NAV อาจขึ้นลงบ้าง แต่หากสามารถลงทุนได้นาน เช่น 2 ปีขึ้นไป ยิ่งมีโอกาสรับผลตอบแทนมากขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อเทียบกับฝากประจำไม่มีความคล่องตัวและต้องรอครบปีถึงได้รับดอกเบี้ย