สรรพากรเล็งตัดลดหย่อนภาษีคนรวย

สรรพากรเล็งตัดลดหย่อนภาษีคนรวย

สรรพากรชี้โครงสร้างภาษีใหม่จะต้องช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยการปรับปรุงรายการลดหย่อนและการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะต้องลดสิทธิประโยชน์คนรวยและเอื้อต่อคนชั้นกลาง

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า หนึ่งในแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากร คือ การปรับปรุงค่าลดหย่อนภาษีและการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยหลักการ คือ จะต้องดำเนินการเพื่อเอื้อให้คนชั้นกลางได้ผลประโยชน์มากขึ้น

“การปรับปรุงค่าลดหย่อนทางภาษี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปภาษีของประเทศนั้น จำเป็นต้องปรับปรุงไปในทิศทางเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจาก ค่าลดหย่อนทางภาษีเงินได้ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วคนที่ได้ประโยชน์ คือ คนที่มีรายได้สูง ส่วนคนชั้นกลางที่อยู่ในฐานภาษีได้รับประโยชน์ที่น้อยกว่า”

ส่วนในเรื่องของการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น เขากล่าวว่า จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตนเห็นว่า หากจะปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะต้องลดให้กับคนชั้นกลางลงมาที่อยู่ในฐานภาษี

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก ต้องแก้ไขประมวลกฎหมายของกรมฯ และมีความซับซ้อน เนื่องจากเป็นอัตราแบบขั้นบันใด ( Progressive Rate)

ปัจจุบันค่าลดหย่อนทางภาษี ที่กรมฯให้กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีมากเกือบ 20 รายการ คิดเป็นค่าลดหย่อนทางภาษีรวมกันทุกรายการ มากกว่า 2 ล้านบาท เช่น ค่าลดหหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ 6 หมื่นบาท,ค่าลดหย่อนบุตร 3 หมื่นบาท,ค่าใช้จ่ายในการซื้อเบี้ยประกันชีวิตที่มีกรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป หักลดหย่อนตามจริงแต่ไม่เกิน 1 แสนบาท

นอกจากนี้ ยังมีการลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการซื้อหน่วยลงทุน RMF 15 % ของเงินได้แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท,และเงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่เกิน 15 % ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นต้น

สำหรับบัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งได้ปรับปรุงอัตราและขั้นบันใดของเงินได้ใหม่ และเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2560 ได้กำหนด 8 ขั้นบันใดของเงินได้ เริ่มตั้งแต่เงินได้ที่ไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี, เงินได้ที่มากกว่า 150,000 แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท เสียในอัตรา 5 % และขั้นบันใดสุดท้าย หรืออัตราสูงสุด คือ รายได้ที่มากกว่า 5 ล้านบาทขึ้นไป จ่ายในอัตรา 35%

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา รายได้ของรัฐบาลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้รัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณขาดดุลมาโดยตลอด ประกอบกับ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงโครงสร้างภาษีของประเทศ โดยการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลลงมา แต่ยังไม่สามารถปรับเพิ่มภาษีโดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจาก ภาวะเศรษฐกิจยังไม่เหมาะสม ยิ่งทำให้รายได้ของรัฐบาล ลดต่ำลง

ทั้งนี้ ใน 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 ณ เดือนพ.ค.นี้ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.441 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.98 แสนล้านบาท หรือ 12.1% ขณะที่ กรมสรรพากร ซึ่งเป็นกรมฯที่ทำรายได้มากที่สุดของรัฐบาล ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 จัดเก็บได้ 1.059 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.38 แสนล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 11.5 %

ส่วนในปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 2.394 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 3.36 แสนล้านบาท หรือ 12.3%