อนิสงค์น้ำมันพุ่ง PTTEP ทำกำไรไตรมาส 2/64 บวก65 %

อนิสงค์น้ำมันพุ่ง PTTEP  ทำกำไรไตรมาส 2/64 บวก65 %

น้ำมันขาขึ้นหนุนกำไรไตรมาส 2/64 PTTEP โต 65 % จากปีก่อนอยู่ที่ 7,139 ลบ. คาดกรอบราคาน้ำมันทั้งปียังทรงตัวสูง 70-80 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP   รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7,139 ล้านบาท  หรือ 222 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น  65.17 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน  แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายและราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงจาก 27.96 ดอลลาร ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ มาอยู่ที่ 27.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่า น้ำมันดิบ ในขณะที่มีขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ 127 ล้านดอลลาร์. โดยหลักจากประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

บริษัทมีระดับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,434 ล้านดอลลาร์  และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ในระดับร้อยละ 76 สำหรับสถานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 23,230 ล้านดอลลาร์

โดยเป็นส่วนของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวมทั้งสิ้น 1,850 ล้านดอลลาร์  ในขณะที่มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 11,209 ล้านดอลลาร์  ซึ่งเป็นส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 4,131 ล้านดอลลาร์ และส่วนของผู้ถือหุ้น 12,021 ล้านดอลลาร์  โดยมี อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่0.34เท่า สะท้อนให้เห็นถึงการมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งและสถานะการเงินที่มั่นคง

นอกจากนี้ PTTEP ยังประเมินความต้องการน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ อันเนื่องมาจากอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ อุปทานน้ำมันดิบ กลุ่ม OPEC+ ยังคงดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง โดยได้ตัดสินใจปรับเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ยังดำเนินงานตามกลยุทธ์ “EXECUTE และ EXPAND” อย่างต่อเนื่อง โดยมีความคืบหน้าที่สำคัญ ได้แก่ โครงการซาราวัก เอสเค 410บีประเทศมาเลเซีย ที่บริษัทประสบความสำเร็จในการพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้ ปัจจุบันอยู่ ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับปริมาณก๊าซธรรมชาติและคาดว่าจะสามารถประกาศการตัดสินใจลงทุน ขั้นสุดท้าย (FID) ได้ในช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566

นอกจากนี้บริษัทยังได้ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติใหม่เพิ่มเติมในประเทศมาเลเซียจาก หลุมสำรวจแรกของโครงการซาราวักเอสเค 438 หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จในการเจาะหลุมสำรวจในโครงการซาราวักเอสเค 417 และโครงการซาราวักเอสเค 405บีในไตรมาสที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียมของผลการเจาะหลุมสำรวจ ที่สองเพื่อวางแผนการพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไป

และสำหรับโครงการโอมาน แปลง 61 ที่บริษัทได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โครงการได้ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทเป็น 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMSCFD)และ 69,000 บาร์เรล ต่อวัน (BBL/D) ตามลำดับ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณการขายในครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น