เปิดแผน'สิงคโปร์'สร้างความมั่นคงไซเบอร์

เปิดแผน'สิงคโปร์'สร้างความมั่นคงไซเบอร์

เปิดแผน'สิงคโปร์'สร้างความมั่นคงไซเบอร์ ลงทุน 50 ล้านดอลลาร์ในโครงการที่มีชื่อว่า "The Future Communications Research & Development Programme"

"เฮง สวี เกียต" รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกาศแผนลงทุน 50 ล้านดอลลาร์ในโครงการวิจัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)และสร้างความมั่นคงด้านไซเบอร์แก่ประเทศ ที่มีชื่อว่า "The Future Communications Research & Development Programme"ซึ่งจะครอบคลุมถึงการจัดทำสนามทดสอบขนาดใหญ่ด้าน5จีและนอกเหนือจาก5จี

เทคโนโลยี 5จี เป็นระบบการสื่อสารแบบไร้สายในยุคที่ 5 มีความสามารถในการส่งข้อมูลในปริมาณที่มากกว่าระบบ 4จี ถึง 1,000 เท่า เป็นเทคโนโลยีที่มีความเร็วสูง มีความสามารถในการส่งข้อมูลปริมาณมาก จึงทำให้อุปกรณ์ที่รองรับระบบนี้ จะไม่จำกัดแค่โทรศัพท์สมาร์ทโฟนแต่จะรวมไปถึงเครื่องมือ เครื่องใช้ และระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ วางแผนที่จะให้ทั่วทั้งเกาะใช้เทคโนโลยี5จีให้ครอบคลุมภายในปี 2568

“โครงการนี้จะสนับสนุนการวิจัยด้านเอไอและความมั่นคงทางไซเบอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารรุ่นต่อไป รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดสนามทดสอบขนาดใหญ่ในโครงการนำร่องด้านนวัตกรรมและมอบทุนการศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานวิจัยด้านการสื่อสาร” เฮง กล่าวในการประชุมเอเชีย เทค เอ็กซ์ สิงคโปร์

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ยังระบุด้วยว่า สิงคโปร์จะเปิดตัว Singapore Trade Data Exchange หรือ SGTraDex ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากประเทศต่างๆที่อยู่ในระบบห่วงโซ่อุปทาน เช่น บรรดาผู้เล่นในอุตสาหกรรมโลจิสติก เข้ามาร่วมแชร์ข้อมูลอันมีค่า อาทิ จุดที่สินค้าเดินทางไปถึงแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งสินค้าภายใต้ระบบห่วงโซ่อุปทานนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

"จากโครงการนำร่องมาจนถึงตอนนี้ SGTraDex ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีศักยภาพมากพอที่จะทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในระบบนิเวศของห่วงโซ่อุปทานปีละกว่า 150 ล้านดอลลาร์ ทั้งยังดำเนินการด้านศุลกากร ด้านประกันสินค้าตลอดจนกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้เร็วขึ้นด้วย"รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าว

ภายใต้โครงการนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังตั้งเป้าสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความร่วมมือข้ามพรมแดน

เฮง ยังชี้ว่าการแชร์ข้อมูลที่มีค่าระหว่างสิงคโปร์และประเทศหุ้นส่วนภายใต้การดูแลด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดแก่ข้อมูลต่างๆและการสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนของข้อมูลอย่างไร้รอยต่อจะช่วยให้ประเทศต่างๆก้าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบดิจิทัลได้เร็วขึ้นและมีศักยภาพ

ข้อมูลจากกูเกิล เทมาเส็ก โฮลดิงส์ และเบน แอนด์ คัมพานี ระบุว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างรวดเร็วและคาดว่าอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตจะขยายตัวคิดเป็นมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2568

ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งให้สังคมในทุกประเทศทั่วโลกก้าวสู่สังคมแบบดิจิทัลเร็วขึ้น และบริษัททั้งขนาดใหญ่และเล็กต่างต้องปรับตัวให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยการหันมาพึ่งพาการสื่อสารทางออนไลน์มากขึ้นหลังทางการประกาศมาตรการคุมเข้มทางสังคมรูปแบบต่างๆและประกาศมาตรการล็อกดาวน์

“ก็เหมือนกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ผลักดันให้เศรษฐกิจทั่วโลกเติบโตมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมจึงเชื่อว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจดิจิทัลจะผลักดันให้เรามีอนาคตที่สดใสขึ้นได้”เฮง กล่าว