SNNP จ่อเข้าเทรด 20 ก.ค. วางเป้า 5 ปีรายได้โตก้าวกระโดด

SNNP จ่อเข้าเทรด 20 ก.ค. วางเป้า 5 ปีรายได้โตก้าวกระโดด

"ศรีนานาพร"เคาะช่วงราคาไอพีโอ 8.70-9.20 บาทต่อหุ้น เปิดรายย่อยจอง 7-9 ก.ค. คาดเทรด20 ก.ค. หวังระดมทุน หนุนโตก้าวกระโดด วางเป้ารายได้ปี69 แตะ 8 พันล้าน ด้าน มีนาทรานสปอร์ต ลุ้นเซ็นทริเม้นต์ตลาดดันราคาเหนือจองเข้าเทรดวันแรกในวันนี้  

นายกรวิภพ มณฑารพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า ได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายไอพีโอเบื้องต้นที่ 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อในวันที่ 7 – 9 ก.ค.นี้ ที่ราคา 9.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น

พร้อมทำการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) เพื่อกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) คาดประกาศให้ทราบได้ภายใน12 ก.ค.นี้แต่หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อ จะดำเนินการคืนเงินจองซื้อแก่นักลงทุนรายย่อยต่อไปส่วนนักลงทุนสถาบันจะจองซื้อในวันที่ 12 – 14 ก.ค.นี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้ายทั้งนี้ คาดนำหุ้น SNNP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ 20 ก.ค.นี้

162564306593


นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNNP กล่าวว่าการระดมทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ต่อยอดแบรนด์สินค้าและแบรนด์พอร์ตโฟลิโอให้หลากหลายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ รวมถึงสร้างความได้เปรียบจากการมีฐานการผลิตและระบบกระจายสินค้าที่ครอบคลุมในภูมิภาค CLMV ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของ SNNP ให้เติบโตยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน 

บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 5 ปี เติบโต 2 เท่าตัว แตะ 8,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากปี2563 ที่ 4,400 ล้านบาท โดยโรงงานใหม่ในประเทศเวียดนาม คาดเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวได้ปี 2565 รองรับตลาดเวียดนามและเป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา และยุโรป สินค้าหลัก คือ เบนโตะ

โดยตลาดต่างประเทศใน5 ปีข้างหน้า มองสัดส่วนรายได้เติบโต 3 เท่าจากปีก่อนที่ 700-800 ล้านบาทมาจากตลาดกัมพูชาและเวียดนามเป็นหลัก คาดสัดส่วนรายได้จากส่งออกต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ในประเทศ 70% จากปัจจุบันที่ 20:80

ส่วนในปีนี้คาดยังสร้างยอดขายและกำไรเติบโตมากกว่าปีก่อน ด้วยโครงสร้างธุรกิจ แบรนด์สินค้า ช่องทางกระจายสินค้า ทำให้มั่นใจจะเติบโตต่อได้ในอนาคต และหากสถานการณ์โควิด-19 ฟื้นขึ้นกว่านี้ ยิ่งหนุนให้บริษัทเติบโตได้มากกว่าตลาดปัจจุบันเป็นผู้นำในธุรกิจขนมขบเคี้ยวมีส่วนแบ่งการตลาด80%

ขณะที่ในวันนี้ (7ก.ค.) บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก

แหล่งข่าวนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า ตลาดจะตอบรับและราคาหุ้นจะไปไกลแค่ไหน คาดเดายากแม้ก่อนหน้านี้ยอดจองล้น เพราะต้องยอมรับว่า หุ้นใหม่เข้าตลาดในช่วงนี้ขึ้นกับสถานการณ์ภาวะหุ้นในวันที่เข้าเทรดเป็นหลักว่าจะมีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบได้หรือไม่  โดยจะเห็นได้ว่า กระแสหุ้นไอพีโอได้เบาลงตามเซ็นทริเม้นต์ของตลาดก่อนหน้านี้เช่นกัน

 “หุ้นไอพีโอที่เข้าตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างยากลำบาก ขึ้นกับเซ็นทริเม้นต์ตลาดรายวันในวันที่เข้าเทรดเป็นหลัก และระยะสั้นตลาดมีความผันผวน ด้วยไซด์ไม่ใหญ่มากแทบจะไม่มีผลกับดัชนี” 

นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น MENA เปิดเผยว่า MENA จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากในช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO มี กระแสตอบรับที่ดีและความต้องการหุ้นมีมากกว่าจำนวนที่จัดสรร เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต

ขณะเดียวกันการกำหนดราคาในการเสนอขายครั้งนี้ที่ 1.20 บาทต่อหุ้น เป็นระดับที่น่าสนใจ สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน และบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ 5 บริษัทหลักทรัพย์ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยอยู่ที่ 1.56 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังไม่นับรวมโอกาสการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต