ก้าวไกล บี้กองทัพแจงขอวัคซีน 'กำลังพล-ครอบครัว-บริวาร'

ก้าวไกล บี้กองทัพแจงขอวัคซีน 'กำลังพล-ครอบครัว-บริวาร' หวั่นคลัสเตอร์ทหารใหม่

ที่พรรคก้าวไกล นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล และ ส.ส.กทม. แถลงข่าวต่อกรณีการขอโควตาวัคซีนฉีดให้คนในกองทัพว่า จากการได้ติดตามจากการขอวัคซีนจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมไปยังอธิบดีกรมควบคุมโรคมาแล้ว 3 วัน ถึงวันนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากกองทัพว่า วัคซีน 60,000 โดสที่ขอไปนั้น จะเอาไปใช้กับใคร ใช้ที่ไหน ใช้อย่างไรบ้าง และมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้ทหารเกณฑ์ 45,000 ค ในตอนนี้ จึงอยากฝากให้สื่อมวลชนและประชาชนให้ติดตามเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ นายณัฐชา กล่าวว่า ได้ตามติดตามการรับทหารผลัดใหม่มาตั้งแต่เดือน เม.ย.64 หรือช่วงจับใบดำใบแดง โดยเรียกร้องมาตลอดว่า ทหารผลัดนี้ประมาณ 45,000 คน ยังไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องเร่งการเกณฑ์เข้ากรมกองในสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้มีคำสั่งเลื่อนเข้าประจำการออกไป 1 เดือน จาก 1 มิ.ย.มาเป็น 1.ก.ค. ที่ผ่านมา

"เรายืนยันอีกครั้งว่านี่คือ สมรภูมิของสงครามเชื้อโรค ต้องใช้ทุกสรรพกำลังของรัฐบาลที่มีเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชน แต่ไม่มีการรับฟังใดๆเลย กองทัพอ้างว่ามีความจำเป็นต้องใช้ทหารเกณฑ์ 45,000 นาย และมีเอกสารออกมาจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อขอสนับสนุนวัคซีน 60,000 โดส

ซึ่ง เอกสารเขียนชัดเจนว่า ขอวัคซีนเพราะให้ครอบครัว ผู้ใกล้ชิด และบริวารของกลุ่มที่มีการสัมผัสทหารใหม่ การกระทำแบบนี้ดูเหมือนพี่น้องประชาชนต้องอยู่คนละโลกกับทหาร เพราะขณะนี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังรอคิว รอเตียง และรอฉีดวัคซีน กระทั่งกลุ่ม 7 โรคที่มีความเสี่ยงและกลุ่มผู้สูงอายุยังมีจำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีด แต่ข้างในค่ายทหารกลับมีกลุ่มเดียวที่ให้ความสำคัญคือ ต้องการแค่ให้ทหารชั้นผู้ใหญ่และบริเวณโดยรอบปลอดภัยจึงเลยขอวัคซีนเข้าไปก่อน”

นายณัฐชา กล่าวว่า ถ้าทหารบอกว่าเป็นรั้วของชาติ สถานการณ์สงครามเชื้อโรคเช่นนี้จะต้องไม่ต้องแย่งวัคซีนของประชาชน แต่ต้องแสดงความช่วยเหลือ ตอนนี้ประชาชนไม่มีเตียง ไม่มีพื้นที่คอยดูแล ถ้าทหารเป็นรั้วของประชาชนจริง ในสงครามเชื้อโรคแบบนี้ก็ควรจะต้องเปลี่ยนหน่วยรับทหารใหม่หรือโรงนอนให้เป็นพื้นที่แรกรับเพื่อพักคอยคัดกรองการส่งต่อผู้ป่วย หรือปรับให้เป็น รพ.สนาม และควรต้องจัดให้หน่วยเหล่านี้เกิดขึ้นแทนในทุกพื้นที่ของการรับทหารใหม่

“ขณะนี้ทหารเกณฑ์เอาไปทำอะไรได้บ้าง ฝึกก็ไม่ได้ อบรมก็ไม่ได้ ผมได้รับข้อมูลจากนายทหารชั้นประทวนและนายทหารชั้นสัญญาบัตรหรือนายร้อยหลายท่านสะท้อนเข้ามาว่า เขาไม่อยากให้เปิดรับทหารใหม่ เพราะพวกเขามีบ้าน มีโรงนอน มีที่ทำงานอยู่ในค่าย จึงกังวลว่าการรับคนใหม่เข้ามาจากทั่วสารทิศจะนำเชื้อเข้ามาด้วย แต่นายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนไม่ฟังคำนี้ อาจเพราะนายทหารเหล่านี้มีความจำต้องใช้ทหารเกณฑ์ไม่ว่าต้องการทั้งในตัวบุคคลและหรือบัตรเอมีเอ็ม จึงมีความต้องการยอดทหารใหม่เข้าไป

ดังนั้น ข้อเรียกร้องของเราคือ ถ้ากองทัพต้องการเป็นทหารในสถานการณ์สงครามเชื้อโรค จะต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ต้องปกป้องประชาชน ต้องไม่เอาเปรียบประชาชน ต้องไม่แทรกคิวประชาชน ต้องไม่เบียดเบียนวัคซีนประชาชน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า เรามีรั้วของชาติที่กดทับคนในชาติ วันนี้ที่สามแล้วจึงต้องขอความชัดเจนจากกองทัพถึงการดูแลประชาชนด้วย”