ไทยถกลาว ดันเปิด  7 ด่าน เพิ่มมูลค่าการค้า 2 ประเทศ

ไทยถกลาว ดันเปิด  7 ด่าน เพิ่มมูลค่าการค้า 2 ประเทศ

“จุรินทร์”หารือ ทูตสปป.ลาว ขอเปิดด่านชายแดนเพิ่ม 7 ด่านจากเดิมเปิดแล้ว 11 ด่านหวังดันมูลค้าการค้าชายแดนเพิ่มได้ตามเป้า 11,00 ล้านดอลลาร์ ด้านสปป.ลาว ขอไทยนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่ม  จับมือพัฒนาสินค้าหัตถกรรม และแก้ปัญหาปลูกพืชซ้ำซ้อน

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยภายหลังนายแสง สุขะทิวง(H.E. Mr. Seng Soukhathivong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) เข้าเยี่ยมคารวะว่า   ได้มีการหารือในเรื่องการเตรียมการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันของสองประเทศ ซึ่งตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ปีที่แล้ว รวมกัน 197,429 ล้านบาทหรือ 6,334 ล้านดอลลาร์  ซึ่งเป็นการค้าชายแดน 96.15% แต่เป้าของทั้งสองประเทศในปี 2564 จะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ถึง 11,000 ล้านดอลลาร์  แต่ปีที่แล้วทำได้ 6,300 ล้านดอลลาร์ ถือว่ายังห่างเป้า  ซึ่งในช่วง 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 93,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.6% โดยไทยส่งออกไป สปป.ลาว มูลค่า 53,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.53% และนำเข้าจาก สปป.ลาว 5 มูลค่า 40,832 ล้านบาท ได้ดุลการค้ามูลค่า 11,940 ล้านบาท

 

โดยไทยต้องการให้เปิดด่านชายแดนไทย-สปป.ลาว เพิ่มเติม ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมีด่านชายแดนไทยและสปป.ลาว จำนวน 49 ด่าน แต่เปิดดำเนินการได้เพียง 11 ด่าน หากมีการเปิดด่านเพิ่มก็จะสามารถผลักดันมูลการค้าของทั้ง 2 ประเทศเพิ่มได้ ซึ่งด่านที่เป็นเป้าหมายสำคัญในช่วงเวลาอันใกล้ มีอยู่ด้วยกัน 7 ด่าน ประกอบด้วย 1.ด่านปากแซงที่จังหวัดอุบลราชธานี 2.ด่านเชียงคานที่จังหวัดเลย 3.ด่านท่าเรือหนองคาย 4.ด่านท่าเทียบเรือเทศบาลนครพนม 5.ด่านท่าเทียบเรือจังหวัดมุกดาหาร 6.จุดผ่อนปรนการค้าแจมป๋องที่จังหวัดเชียงรายและ7.ด่านผ่อนปรนการค้าบ้านหม้อจังหวัดหนองคาย

ทั้งนี้วันที่ 9-11 ก.ค.ตนจะเดินทางไปที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อที่จะไปดูด่านสำคัญที่ภาคเอกชนเรียกร้องอยากเปิดให้มีการค้าระหว่างกันด้วยเร็วภายใต้ข้อจำกัดโควิดคือที่ด่านบ้านปากแซง นาตาล จังหวัดอุบลราชธานี

นายจุรินทร์ กล่าวว่า  ไทยยังได้ขอให้ทางทูต สปป.ลาว ช่วยประชาสัมพันธ์งานแสดงสินค้าของไทยในสปป.ลาวในช่วงครึ่งปีหลัง 3 งานคือ 1.งานแสดงสินค้า Mini Thailand Week 2021 ที่ตลาดคำม่วน เมืองท่าแขก ระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภค 2.ประเทศไทยผู้ประกอบการสินค้าไทยจะร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตริมปิงฝั่ง สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 27- 29 ส.ค.และ 3. งาน Thai Seafood Festival ที่เวียงจันทร์เซ็นเตอร์ นครหลวงเวียงจันทน์ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย.  เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารทะเลให้ผู้บริโภคชาว สปป.ลาวได้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของซีฟู้ดจากประเทศไทย

ขณะที่ทางสปป.ลาว ต้องการให้ไทยสนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรของฝั่งลาว ทั้งน้ำตาลทราย เมล็ดกาแฟ  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งตนแจ้งให้ทราบว่าไทย ไม่ได้จำกัดในเรื่องของปริมาณการนำเข้าเพียงแต่ว่ารายละเอียดอื่นขอให้ระดับเจ้าหน้าที่ได้เจรจากันต่อไป และอีกเรื่องคือ ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตการแปรรูปและการตลาดร่วมกันในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับศิลปหัตถกรรมหรือ OTOP ของ 2 ประเทศ ซึ่งตนได้มอบให้ศูนย์ส่งเสริมศิลปาอาชีพระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ประสานงานกับกระทรวงการค้าของ สปป.ลาว แล้ว

นอกจากนี้ทางทูตสปป.ลาว ยังได้หารือถึงปัญหาปลูกพืชเกษตรโดยเฉพาะพืชเกษตรอายุสั้นบริเวณแนวชายแดนที่อาจซ้ำซ้อนกับประเทศไทย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศควรหารือร่วมกัน เพื่อหลีกเลี่ยงผลผลิตล้นตลาด ซึ่งผมจะดำเนินการแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยเจ้าของเรื่องที่มีคณะกรรมการเจรจาการค้าภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทยระหว่างพื้นที่ชายแดนที่ติดต่อกัน ให้หารือร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เช่น การกำหนดแผนการปลูกร่วมกันบริเวณแนวชายแดน การเตรียมการแปรรูปหรือการทำการตลาดร่วมกันต่อไปในอนาคต